ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,296.79 จุด ร่วงลง 630.15 จุด หรือ -2.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,639.66 จุด ร่วงลง 104.86 จุด หรือ -2.80% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,652.40 จุด ร่วงลง 420.91 จุด หรือ -3.80%
แม้ตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ แต่ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกหลังจากร่วงลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.99%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.51% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.73%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันในวันศุกร์จากความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 92% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. โดยเพิ่มขึ้นจาก 83.4% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค.
ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูงเกินไป
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงระดับเงินเฟ้อ
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ลดลง โดยกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด 4.14%
ดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียร่วงลง 6.06% หลังบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (เอเอ็มดี) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3/2565 เนื่องจากความต้องการชิปชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาส 3 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ราว 1 พันล้านดอลลาร์ โดยหุ้นเอเอ็มดี ปิดร่วงลง 13.9%
หุ้นเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ปิดลดลง 0.5% หลังจากคาดว่าปริมาณการขนส่งจะลดลง เนื่องจากลูกค้าวางแผนที่จะส่งพัสดุในช่วงเทศกาลวันหยุดลดน้อยลง