บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ กลยุทธ์การลงทุน วันนี้ (18 ต.ค.65 ) คาดผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไตรมาส 3/65 เบื้องต้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY แต่ลดลง QoQ
จากการรวบรวมประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) สำหรับ Q3/65 ของหุ้นที่จดทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 113 บริษัท (คิดเป็น 73% ของมูลค่าตลาดรวมของหุ้นสามัญในตลาด SET, ข้อมูล ณ วันที่ 17 ต.ค. 2022) คาดจะมีกำไรสุทธิรวม 2.11 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด +65% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว( YoY) แต่ลดลง -18% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ )
โดยกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตดีทั้งYoY และ QoQ ได้แก่
- กลุ่ม BANK (+46% YoY, +17% QoQ) หลัก ๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่การตั้งสำรองฯ ในไตรมาสนี้คาดว่าจะลดลงได้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- กลุ่มCOMM (+210% YoY, +11% QoQ) เนื่องจากอัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เป็นบวกต่อเนื่องตามการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวหลังการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปิดตัวเร็วขึ้นของ iPhone 14 ช่วยหนุนยอดขายธุรกิจค้าปลีก IT
- กลุ่ม FOOD (พลิกมีกำไรจากที่ขาดทุน YoY, +10% QoQ) อานิสงส์จาก CPF, MINT และ M พลิกมีกำไรใน 3Q22F YoY จากราคาหมูและไก่ที่ปรับตัวขึ้น และการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกขยายตัวตามปัจจัยฤดูกาลและเงินบาทอ่อนค่า
- กลุ่ม PKG (+13% YoY, +5% QoQ) อานิสงส์บาทอ่อนช่วยหนุนยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนขนส่ง และต้นทุนพลังงานลดลง
- กลุ่ม CONS (+57% YoY, +63% QoQ) จากการรับรู้รายได้การก่อสร้างดีขึ้นภายหลังการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ, ฐานกำไรที่ต่ำในช่วงก่อนหน้านี้ และมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น
ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตโดดเด่นเฉพาะ YoY คือ
- กลุ่ม ENERG (+45% YoY) และ PETRO (+23% YoY) หลัก ๆ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเทียบ YoY แต่คาดจะลดลง QoQ จากฐานกำไร Q2/65 ที่คาดว่าจะเป็นระดับสูงที่สุดของปี
- กลุ่ม FIN (+23% YoY) จากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ แต่ต้นทุนดอกเบี้ยและภาระการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น และ
- กลุ่ม PROP (+88% YoY) จากการฟื้นตัวของธุรกิจห้างสรรพสินค้า ปริมาณ Traffic ดีขึ้น และการให้ส่วนลดค่าเช่าลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดจองของผู้ประกอบการในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ หลายรายทำได้ดี และมีการรับรู้รายได้โรงแรมใหม่ของ LH นับตั้งแต่Q3/65 เป็นต้นไป
กลุ่ม TRANS และ TOURISM คาดยังมีผลขาดทุน
- โดยกลุ่ม TRANS เป็นผลจาก AOT, AAV, BA และ KEX ยังขาดทุนอยู่เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารแม้ฟื้นตัวขึ้นแต่ยังห่างไกลก่อนช่วงระบาด COVID-19 และต้นทุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
- ขณะที่กลุ่ม TOURISM เป็นผลจากหุ้นโรงแรม อาทิ CENTEL, DUSIT และ ERW คาดจะมีผลขาดทุนอยู่ในไตรมาสนี้ แต่ค่อย ๆ น้อยลงเรื่อย ๆ และคาดว่าจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศจากภาครัฐ
กลยุทธ์ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหุ้นน่าสนใจ
บล.ทิสโก้ ระบุอีกว่า หลังจากที่ SET Index ปรับฐานราคาลงมาตามคาด เรามองระดับปัจจุบันมี Upside Potential > Downside Risk แนะหาจังหวะสะสม คาดช่วงครึ่งเดือนหลัง จะเริ่มยืนและฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป ประเมินแนวรับและแนวต้านสำคัญอยู่ที่บริเวณ 1555+/-, 1530-40 และ แนวต้าน 1570-72, 1590-1600 ตามลำดับ
สำหรับธีมหุ้นที่น่าสนใจในระยะสั้น คือ
- (1) หุ้นเก็งงบที่คาดว่าจะออกมาดี BANK - BBL, SCB / NON-BANK YoY & QoQ - BANPU, BJC, CK, COM7, CPALL, EA, ICHI, PRM, SAPPE, SICT, SISB, TOA, TU / YoY - BEM, CRC, LH
- (2) หุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงมาเกินเหตุ มีโอกาสรีบาวด์ในช่วงครึ่งเดือนหลังเป็นต้นไป ชอบ CPALL, BAM, MINT
- (3) หุ้นเชิงรับที่ทนทานต่อความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ ADVANC, AOT, BDMS, BEM (4) หุ้นมีสตอรี่เฉพาะตัวในระยะสั้น BEM, DTAC, GLOBAL, SCGP, TLI
อนึ่ง หุ้นเด่น (Smart Tactics) ในเดือน ต.ค. คือ BANPU , BBL , BDMS , BEM , DTAC , KISS , MTC และ PIMO ส่วนหุ้นที่เราแนะนำสำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า 3 ธีมหลัก คือ (1) หุ้นรับแนวโน้มการเลือกตั้งในช่วงครึ่งแรกปีหน้า (2) หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และ (3) หุ้น Re-opening และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
Top Picks เลือกหุ้น BBL, SCB, TLI, AEONTS, CRC, CENTEL , DTAC, LH, SABINA และ PLANB