นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน)หรือ KUN เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือน ปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ตามลำดับ
หลังจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 737.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YoY) และกำไรสุทธิ 92.01 ล้านบาท ลดลง 16.80% (YoY) ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวม 193.93 ล้านบาท ลดลง 22.34% (YoY) และกำไรสุทธิ 16.11 ล้านบาท ลดลง 61.73% (YoY)
ทั้งนี้ปัจจัยที่ผลการดำเนินงานโดยรวมทั้งไตรมาส 3 และ งวด 9 ปี 2565 ชะลอตัว เนื่องจากในไตรมาส 3 ประสบปัญหาสภาพอากาศ เนื่องจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง และการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งมอบบ้านได้ทันตามเวลา แต่หากพิจารณาจากยอดการรับรู้รายได้จากการโอน ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสดังกล่าว
ไม่ว่าจะเป็น โครงการคุณาลัย พรีม,โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2,โครงการคุณาลัย พาร์โก้, โครงการคุณาลัย จอย ออน 314, โครงการคุณาลัย คอร์ทยาร์ด รวมถึงโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา คือ โครงการ คุณาลัย เดซี่ ที่เริ่มมียอดโอนเข้ามาต่อเนื่อง จึงทำให้ตัวเลขรายได้รวมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
“คุณาลัย พาร์โก้และโครงการคุณาลัย เดซี่ มีการเปิดขายไปแล้วในช่วงไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปี 2565 ซึ่งถือว่ากระแสการตอบรับดีมาก โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 มียอดขายคิดเป็นมูลค่ารวม 240 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปิดการขายในปี 2565 ประมาณ 450 ล้านบาท”นางประวีรัตน์กล่าว
ขณะที่ยอดพรีเซลในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 1,100 ล้านบาท คิดเป็น 65% ของเป้ายอดพรีเซลทั้งปีที่วางไว้ 1,700 ล้านบาท จาก 7 โครงการ ได้แก่ คุณาลัย คอร์ทยาร์ด, คุณาลัย พรีม, คุณาลัย บีกินส์ 2,คุณาลัย จอน ออน 314, คุณาลัย พาร์โก้, คุณาลัย เดซี่ และคุณาลัย นาวาร่า ซึ่งยอดพรีเซลดังกล่าวถือว่าเป็นการทำสถิติสูงสุด ในรอบ 9 เดือนเทียบเท่ากับที่ทำได้ในปี 2563 ในช่วงโควิค-19 ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงหนุนมาจากการพัฒนาโครงการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งรูปแบบโครงการแบบบ้าน ที่เน้นการจัดฟังก์ชันที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัย รวมถึงระดับราคาบ้านตรงกับความต้องการของลูกค้า
อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยที่มีการปรับสูงขึ้น ซึ่งจะผลต่อการขอสินเชื่อ ประกอบกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนอง และมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) จะสิ้นสุดปลายปี 2565 นี้ จึงป็นกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อบ้านภายในปีนี้เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมและผลการดำเนินของ KUN ส่งผลให้บริษัทฯมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานสำหรับปี2565 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-15% เมื่อเทียบจากปีก่อน และจะเป็นการทำออลไทม์ไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ของบริษัทฯ เนื่องจากไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่น จะโดดเด่นทั้งยอดขาย และยอดโอน ดังนั้นเป้ายอดขายในปีนี้สามารถแตะระดับ 1,700 ล้านบาท ได้ตามแผนที่วางไว้แน่นอน