วงการโบรกเกอร์ดิ้นหาทางออก ในการชำระราคาค่าหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น MORE เกือบ 4.5 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระเงินในวันที่ 14 พ.ย.(T+2) โดยโบรกเกอร์ฝั่งซื้อ ต้องชำระราคาค่าหุ้นให้ลูกค้าภายในเวลา 11.00 น และโบรกเกอร์ฝั่งขาย ต้องชำระราคาค่าหุ้นให้ลูกค้าภายในเวลา 14.00 น.
ผลจากการตั้งคำสั่งซื้อ(ATO)หุ้น MORE ที่ราคา 2.90 บาท มีปริมาณการซื้อขายที่ 1,531.77 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,442.13 ล้านบาทของวันที่ 10 พ.ย. ก่อนจะถูกทุบร่วงติดฟลอร์ภายในเวลาประมาณ 11.30 น. และต่อเนื่องถึงเช้าวันศุกร์ที่ติดฟลอร์ตั้งแต่เปิดการซื้อขายที่ราคา 1.37 บาท ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า เป็นการคีย์คำสั่งผิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดรายการซื้อหุ้นเกิดขึ้น ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จะต้องมีการชำระราคาซื้อขายใน 2 วันทำการ(T+2) ซึ่งกรณีนี้คือวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ซึ่งหากผู้ซื้อไม่สามารถชำระราคาค่าหุ้นได้ ภาระจ่ายทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินแทนให้กับผู้ขาย ซึ่งเท่าที่ปรากฏชื่อคือ เฮีย ม.
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า การกระทำของกลุ่มผู้ถือหุ้น MORE ไม่ต่างกับการปล้นเงินจากโบรกเกอร์ ซึ่งบางรายอาจจะต้องเสียหายเป็น 1,000 ล้านบาท ทำให้โบรกเกอร์ 14-20 รายที่เป็นคนคีย์คำสั่งซื้อและต้องรับภาระจ่ายค่าหุ้นแทนต่างไม่ยอมที่จะให้คนขายหุ้น MORE ได้เงินไปอย่างลอยนวล จึงได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตลท. เพื่อร่วมหาทางออกที่จะไม่ให้มีผลกระทบในวงกว้าง
แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องนี้สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันการฟอกเงิน(ปปง.)รับทราบเรียบร้อยแล้วที่จะเข้ามาสอบเส้นทางเงินของกลุ่มคนที่ซื้อขายหุ้น MORE เพราะปรากฏรายชื่อชัดเจนในบัญชีซื้อขายชัดเจน ขณะที่ตลท.เองก็รับทราบว่า เป็นรายการซื้อขายที่ผิดสภาพไป จึงจะมีการลงนามระหว่างโบรกเกอร์กับบริษัท ไทย เคลียรฺริ่งเฮ้าส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตลท.ที่ทำหน้าที่ในการเคลียริ่งหุ้นระงับเรื่องไว้ก่อน และโบรกเกอร์ยอมที่จะเสี่ยงให้ลูกคาที่ไมได้รับชำระค่าหุ้นฟ้องร้อง หากจะมีกรณีนี้เกิดขึ้น เพราะมีเอกสารหลักฐานที่สามารถชี้แจงได้ว่า ไม่ใช่รายการที่ปกติ
“เรื่องดังกล่าว น่าจะเกิดจากกลุ่มของเฮียม. และนาย ป. ต้องการที่จะเอาตัวเองออกจากหุ้น MORE ทั้งหมด ด้วยการขายหุ้นกำเงินสดออกไป ซึ่งกรณีนี้เฮีย ม.จะได้ 2 ต่อจากเงินเพิ่มทุนที่ได้จากการแปลงวอแรนต์ MORE-W2 และการเทขายหุ้นออกไปก่อนะถูกทุบลงมา ขณะที่ความผิดของนาย ป.อาจจะแค่คีย์ออเดอร์ผิด ส่งผลให้ไม่มีเงินจ่ายโบรกเกอร์ เต็มที่โบรกเกอร์ก็แค่ไล่ฟ้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เพราะลงทุนเกินตัว อยู่ไม่กี่ปีก็พ้น แต่ไม่ถึงขั้นติดคุกติดตะราง”แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ฝั่งเฮียม. และ นาย ป. คงลืมคิดไปว่า ระดับความเสียหายนั้นสูงมากไป ทำให้หลายโบรกเกอร์ไม่ยอม เพราะถ้ายอมบางแห่งอาจล้มละลายได้เช่นกัน จึงต้องออกมาสู้และต้องการกำจัดกระบวนการปล้นเงินกันแบบโจ่งแจ้งเช่นนี้ออกไปจากตลาดและเรื่องไปไกลเกินกว่าที่ ทั้งเฮียม.และนายป.จะคิด เพราะปปง.ก็เข้ามาสอบเส้นทางเงินของคนที่ร่วมขบวนการด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อเกิดกระแสการไม่ยอมของโบรกเกอร์ขึ้นมา เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นาย ป. ได้ให้คนสนิทโทรมาเคลียร์กับโบรกเกอร์ โดยยืนยันจะจ่ายเงินทั้งหมด แต่ขอเวลาประมาณ 2-3 วันเป็น Over Deal ซึ่งโบรกเกอร์ต้องจ่ายเงินค่าหุ้นไปให้ผู้ขายไปก่อน แต่ไม่มีโบรกเกอร์รายไหนไปเจรจาด้วย
อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้(14 พ.ย.) เวลา 9:00 น. นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯและนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยจะร่วมแถลง "แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE)"