นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บีทีเอส เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds : SLB) โดยจะเริ่มขายในวันที่ 25 พ.ย. และ 28-29 พ.ย.2564 ซึ่งจะเสนอขายจำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย
กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 พ.ย.นี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A จากทริสเรทติ้ง และกำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวมีเป้าหมายการระดมทุนเบื้องต้นที่ 13,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ลงทุนเกี่ยวกับความยั่งยืน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และบางส่วนใช้เป็นสภาพคล่องหมุนเวียนในบริษัท
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทค่อนข้างมาก โดยเบื้องต้นพบว่ามีความต้องการซื้อเกือบ 20,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการระดมทุนที่ 13,000 ล้านบาท
นายสรยุทธ กล่าวต่อไปว่า หากความต้องการซื้อมีมากกว่าที่คาด บริษัทอาจใช้กรีนชู ออปชั่น (Greenshoe Option) ที่ได้ขอทางก.ล.ต.ไว้จำนวน 7,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอกับความต้องการของนักลงทุน
"ในระยะข้างหน้าบริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริษัทบรรจุเป้าหมาย ในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น ในปีหน้าอาจมีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งวงเงิน ประเภทหุ้นกู้ และหุ้นกู้ที่จะออกขายนักลงทุนว่าจะออกขายให้นักลงทุนกลุ่มใด"
สำหรับหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทั้งหมด ที่บริษัทได้ออกมาตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันมียอดคงค้างแล้วเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบางส่วนออกมาเพื่อโรโอเวอร์หุ้นกู้เดิมที่จะหมดอายุ
นายสุรยุทธ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของบีทีเอสปี 65 เชื่อว่ามีทิศทางเติบโตดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จากปัจจุบันที่อัตราโดยสารเริ่มกลับมาเติบโตมากขึ้น ซี่งระดับสุงสุด หรือช่วงพีค เช่นเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา อัตราโดยสารผ่านบีทีเอสอยู่ที่ 8.8 แสนคน หรือคิดเป็นการกลับมาราว 90% หากเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่กลับมา
ขณะที่อัตราโดยสาร ช่วงปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 7แสนคนต่อวัน หรือราว70-80% ซึ่งถือว่ากลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง จากนักท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นน่าจะหนุนภาพรวมบริษัทให้ปรับตัวดีขึ้น
รวมถึงธุรกิจอื่นๆของบริษัท เช่น ธุรกิจสื่อนอกบ้าน ที่เติบโตได้ดี จากอัตราโฆษณาที่กลับมาเติบโตดีขึ้น ส่วนธุรกิจขนส่ง บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ปัจจุบันยังเป็นธุรกิจที่แข่งขันสูง