เจาะหุ้นได้ประโยชน์ "จีนเปิดประเทศ" ถือเก็งกำไรระยะสั้น

27 ธ.ค. 2565 | 03:42 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2565 | 12:03 น.

จีนเปิดประเทศ : เปิดโผหุ้นได้ประโยชน์ สายการบิน กลุ่มโรงแรม รพ. ฯลฯ "บล.กสิกรไทย" แนะเก็งกำไรระยะสั้นๆ และหาจังหวะขายต้นปี 8 ม.ค. ด้าน บล.พาย เชียร 2 หุ้นเด่น AOT , CENTEL

 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย หรือ KS ประเมินผลต่อประเทศไทย ภายหลังจากที่มีรายงานว่า จีนประกาศเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่ 8 ม.ค.2566 เร็วกว่าที่ตลาดคาดจะเปิดช่วงไตรมาส 2/ 2566 โดยสำนักข่าว Bloomberg  ระบุดังนี้ 

 

  • 1.ผู้เดินทางเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวเริ่มตั้งแต่ 8 ม.ค.2566 จากเดิมต้องกักตัว 5+3 (แต่ผู้เดินทางเข้าประเทศจีนยังคงต้องเข้ารับการตรวจ PCR ภายใน 48 ชั่วโมง) 
  • 2. ลดมาตรการ 'ควบคุมโควิด' เหลือระดับ B Level (เข้มงวดน้อยลงจากระดับสูงสุดที่ Level A)  เราประเมินจะหนุนต่อไทยทั้งการค้า การส่งออก และนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้าไทยเพิ่มขึ้นในปี้ 2023 (นักท่องเที่ยวจีนก่อนเกิดโควิดอยู่ราว 10 ล้านคนจากนักท่องเที่ยวรวม 40 ล้านคน/ปี  (ประเมินผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่าในปี 2566 หนุนจากแนวโน้มดุลบริการที่เพิ่มขึ้น จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่ม มองลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก )

 

ประเมินผลบวกต่อหุ้น

 

กลุ่มที่ลิงก์กับจีน อาทิ กลุ่มน้ำมัน กลุ่มโรงกลั่น, กลุ่มโรงแรม, โรงพยาบาล, กลุ่มสายการบิน กลุ่มอาหาร ฯลฯ คาดจะปรับขึ้นในทางเดียวกัน แต่คำแนะนำหลักแนะนำเน้นไปที่กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรงคือ

 

กลุ่มโรงพยาบาล : แนนำ EKH (ราคาพื้นฐาน 9.6 บาท) ได้ประโยชน์มากที่สุดจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย คาดจะเห็นชาวจีนที่ศูนย์ IVF จะสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2566 (บน pent-up demand) รวมถึง KLINIQ (ราคาพื้นธาน 44.5 บาท) คาดจะได้ประโยชน์เช่นกัน นอกจากนี้ BDMS (ราคาพื้นฐาน 32.3 บาท) จะได้ประโยชน์ทางตรงจากการที่มีโรงพยาบาลในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทยด้วย

 

กลุ่มโรงแรม : ได้ประโยชน์ทั้งโรงแรมในประเทศและในยุโรป แต่เรามองบวกต่อโรงแรมในประเทศมากกว่าเพราะฝั่งยุโรปเป็นช่วงหน้าหนาว แนะนำ ERW(ราคาพื้นธาน 4.98 บาท) คาดได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศมากสุดราว 90% และระยะสั้นคาดจะได้กระแสบวกจากรัฐบาลออกมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 โดยมี Upside มากกว่า 12%

 

กลุ่มสายการบิน   เรามองบวกต่อ AAV (ราคาพื้นฐาน 2.34 บาท) และ AOT (ราคาพื้นธาน 73.50 บาท) คาดได้ประโยชน์ แนะนำเก็งกำไร แต่ราคาหุ้นขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายไปมากแล้ว

 

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มองบวก CPN (ราคาพื้นฐาน 74.25 บาท) ได้ประโยชน์จาก Traffic นักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น และ ANAN (ราคาพื้นฐาน 1.48 บาท) และ SIRI (ราคาพื้นฐาน 1.69 บาท) ค่าแนะนำคือ let  profit run และเก็งกำไรระยะสั้น ราคาหุ่นปรับขึ้นมาตอบรับข่าวไปมาก โดยมี Upside ราว 5%

 

กลุ่มพลังงาน น้ำมัน และโรงกลั่น มองบวกต่อ PTTEP(ราคาพื้นฐาน 187.0 บาท)และ BCP (ราคาพื้นฐาน 35.4 บาท)

 

บล.กสิกรไทย ระบุว่าในเชิงกลยุทธหุ้นที่ลิงก์กับจีนรอบนี้ สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นที่ลิงก์จีนอยู่แล้วแนะนำให้ Let Proft Run ถือข้ามปี หรือ เก็งกำไรระยะสั้นๆ และไปแนะนำหาจังหวะขายต้นปี 8 ม.ค. ประเมินว่ามีโอกาสเกิด sell on fact 8  ม.ค. วันที่จีน Effective เริ่มเปิดประเทศเนื่องจากราคาหุ้นตอบรับข่าวเปิดประเทศของจีนมามากแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา

 

ด้าน บล.พาย ประเมินข่าวจีนเตรียมเปิดประเทศว่า  แม้ยังไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ระยะสั้นเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากการที่มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัดส่วนอันดับแรกราว 27% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด (ปี 2019 ก่อนเกิด Covid-19) 

 

  • ด้านอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ทางตรงได้แก่สนามบิน (AOT) ได้ประโยชน์
  • รองลงมาได้แก่กลุ่มโรงแรม (CENTEL, ERW, MINT, SHR) 
  • กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL) 
  • ร้านนวด (SPA) 
  • ร้านอาหาร (M) 

 

หุ้นแนะนำ 

 

AOT  : ราคาพื้นฐาน 78.00 บาท

 

ได้ประโยชน์โดยตรงในกรณีจีนผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศเป็นจริงด้วยการมีสนามบินครอบคลุมจังหวัดท่องเที่ยวหลัก อย่าง กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต แม่ฟ้าหลวง เชียงราย และหาดใหญ่ เบื้องต้นคาดการณ์ว่า
ปี 2566  AOT จะเริ่มกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

 

CENTEL :  ราคาพื้นฐาน 56.00 บาท

 

คาดว่าธุรกิจโรงแรมของ CENTELจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง ในไตรมาส 4/65 เพราะโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์จะเข้าสู่ช่วง High Season ส่วน RevPar ของทั้งพอร์ต (ยกเว้นดูไบ) คาดว่าจะฟื้นมายืนเหนือ 75%เมื่อเทียบกับช่วงก่อน Covid-19 (อัตราเข้าพักที่ราว 57%) ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าจะมีจำนวนเฉลี่ยมากกว่า 1.5  ล้านคน/เดือนภายในสิ้นปี (ราว 1.5ล้านคนในเดือน ต.ค. 2565 )