นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ ว่าปัญหาที่
เกิดขึ้นในส่วนของการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ คงจะต้องพิจารณาเป็นรายบริษัท เพราะการผิดนัดชำระหนี้ในบางบริษัท ถือเป็นเรื่องปกติ ที่จะเกิดขึ้นได้กับบางธุรกิจ ซึ่งในภาพรวมของตลาดตราสารทุนไทยยังไม่มีความน่ากังวลสภาพแวดล้อมโดยรวมยังไปได้ดี โดยหุ้นกู้ที่มีปัญหาถือว่ามีจำนวนน้อยและอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในลักษณะขยายวงกว้างหรือเป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามแม้ทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นแต่ภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ จะไม่ส่งปัญหาต่อตลาดตราสารหนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยปรับขึ้นไม่สูงมากนัก และมีรูปค่อยเป็นค่อยไป หากเปรียบเทียบกับสหรัฐ ที่มีการปรับดอกเบี้ยในอัตราสูงตลาดตราสารทุนของสหรัฐ ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังคงเติบโตได้ดี
“ภาพรวมตลาดตราสารทุนไม่น่ากังวล ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บางบริษัทที่จะมีปัญหาในการประกอบธุรกิจ หุ้นกู้ที่มีปัญหามีจำนวนน้อย และระดับยอดคงค้างยังเป็นไปตามปกติ” นายไพบูลย์ กล่าว
โดยปี 2565 มีจำนวนบริษัทที่ปรับโครงสร้างหนี้และผิดนัดชำระหนี้รวม 24 บริษัท ซึ่งยอดคงค้าง 100,130ล้านบาทและมียอดคงค้างตลาดหุ้นกู้ทั้งระบบ 4,307,400 ล้านบาทคิดเป็น 2.32%
สอดคล้องกับทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่มองว่าการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ จะต้องพิจารณาเป็นรายบริษัท ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบ และยังไม่เห็นภาพที่มีปัญหา ซึ่งขณะนี้ภาพรวมการออกหุ้นกู้ยังค่อนข้างเป็นเชิงบวก
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ ALL แจ้งการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่นALL2444 ซึ่งครบกำหนดชำระดอกเบี้ยงวดที่ 5 จำนวน 10,651,495.04 บาท ในวันที่ 3 มกราคม 2566 เนื่องจากบริษัทขาดสภาพคล่อง