บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)หรือ MASTER เปิดเผย ผลดำเนินงานรวมสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,011.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 579.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 133.99% จากงวดเดียวกันของปี 2564
มีกำไรสุทธิ 222.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.81 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 160.19 % จากงวดเดียวกันของปี 2564 และมีอัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2564 จาก19.46%เป็น 21.86%สาเหตุหลักมา
จากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นตันจาก 49.94% ในงวดเก้าเดือนปี 2564 เป็น 57.32% ในงวดเก้าเดือนปี 2565
รายละเอียดของรายได้และค่าใช้จ่ายงวด 9 เดือนมีดังนี้
รายได้จากการศัลยกรรมเพิ่มขึ้น 462.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 135.07% จากปี 2564 รายได้เพิ่มขึ้นในทุกหัตถการ ทั้งศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมหน้าอก ศัลยกรรมดูดไขมัน ศัลยกรรมยกคิ้ว และศัลยกรรมอื่น ๆ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโดวิต-19 ในปี 2565 ที่ลี่คลาย รวมถึงบริษัทฯ เพิ่มจำนวนแพทย์ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างกัาวกระโดด เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
ต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาล และกำไรขั้นตัน
งวดเก้าเดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาล 431.57 ล้นบาท เพิ่มขึ้น 215.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 99.51% จากงวดเดียวกันของปี 2564 มีสาเหตุหลักมาจากค่าธรรมเนียมแพทย์เพิ่มขึ้น 137.86 ล้านบาท และต้นทุนยา เวชภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้น 50.26 านบาท ตามการเติบโตของรายได้จากการ
ประกอบกิจการโรงพยาบาล รวมถึงค่าตอบแทนพยาบาลและบุดลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น 21.57 ล้านบาท จากจำนวนพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 579.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 363.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 168.54 จากงวดเดียวกันของปี 2564 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการประกอบ กิจการโรงพยาบาล ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 49.94% ในงวดเก้าเดือนปี 2564 เป็น 57.32% ในงวดเก้าเดือนปี 2565 เนื่องจากการบริหารจัดการตันทุนยา เวชภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค่าใช้จ่ายในการขาย
งวดเก้าเดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขาย 201.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 288.42% จากงวดเดียวกันของปี 2564 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น 83.52 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของการโฆษณาผ่านทางสื่อออนไลน์และ Bilbboard ขนาดใหญ่ ค่าบริการแนะนำลูกค้า และคำธรรมเนียมบัตรเครดิต นอกจากนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 63.11 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าคอมมิชชั่นของพนักงานฝ่ายขาย และจำนวนพนักงานฝ่ายขายและการตลาด
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
งวดเก้าเดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีต่ำใช้จ่ายในการบริหาร 100.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 72.16% จากงวดเดียวกันของปี 2564 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 16.93 ล้านบาท จากการเพิ่มจำนวนพนักงานฝ่ายบริหาร นอกจากนี้บริษัทฯ ไม่มีการบันทึกส่วนต่างจากการลดค่าเช่าทางบัญชีดังเช่นปี 2564