ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดข้อมูล SET Note เรื่อง "เทศกาลจ่ายเงินปันผล: ช่วงเวลาสำคัญ หาจังหวะ เลือกหุ้นปันผล" ระบุว่า
ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555 - 2565) พบว่า ในช่วง 8 ปีแรก ( ปี 2555 - 2562) กำไรสุทธิรวมทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก่อนลดลงมากในปี 2563 ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 บริษัทจดทะเบียนไทยปรับตัวตอบรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว กอปรกับราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2564 กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดไปอยู่ที่ระดับสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เปิดตลาด
ในปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจากรายงานผลประกอบการล่าสุด พบว่า กำไรสุทธิสำหรับช่วง 9 เดือนของปี 2565 สูงกว่า 811,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
บจ.ไทยจ่ายเงินปันผลปี 65 สูงเป็นประวัติการณ์
บริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นไปตามผลประกอบการ และผลจากกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 และต่อเนื่องในปี 2565 ทำให้ในปี 2565 บริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลรวมสูงกว่า 645,622 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน 564 บริษัท รวม 846 ครั้ง
3 หมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลด้วยมูลค่าสูงสุดในปี 2565 ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ในช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2565 บริษัทจดทะเบียนมีการจ่ายเงินปันผลรวม 530 ครั้ง หรือคิดเป็น 62.6% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2565 โดยในเดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวนครั้งในการจ่ายเงินปันผลมากที่สุด รวม 441 ครั้ง หรือคิดเป็น 52.1% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2565
จากข้อมูลกำไรสุทธิรวมในปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในช่วงเวลาก่อนประกาศจ่ายเงินปันผล เป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักลงทุนจะคัดเลือกหุ้นปันผลและเลือกจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นปันผลเข้าพอร์ตการลงทุนของตน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลตามเป้าหมายที่วางไว้
จากสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในภาวะถดถอย อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ในระดับสูงส่งผลให้อำนาจซื้อในมือลดลง โดยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนที่สูงสุดของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ คืออยู่ในช่วง 0.20% - 1.90% และจากการพิจารณาผลตอบแทนจากเงินปันผล ณ สิ้นปี ของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2561 - 2565 พบว่า
ในทุกปีที่ทำการศึกษาผลตอบแทนจากเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน โดยสูงประมาณ 1.3 เท่าของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนที่สูงสุดของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ
และ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทจดทะเบียนในบางอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 5 เท่าของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลเป็นทางเลือกหนึ่งการเคลื่อนย้ายเงินออมบางส่วนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ของทุกปีเป็นเทศกาลจ่ายเงินปันผล ที่บริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยอ้างอิงผลประกอบการของปีก่อนหน้าหรืองวดของผลประกอบการตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล
ดังนั้น ในรายงานนี้จึงสรุปสถิติสำคัญเกี่ยวกับกำไรของบริษัทจดทะเบียน การจ่ายเงินปันผล เพื่อเป็นข้อมูลให้นักลงทุนเตรียมตัวในการจัดสรรเงินลงทุนในหุ้นปันผล โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นเข้าพอร์ตของตนเองด้วย