กรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE หลังพบความผิดปกติการซื้อขายหุ้น ก่อนมีการประสานข้อมูลร่วมกับทาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติ
เนื่องจากเชื่อว่า ธุรกรรมการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE เป็นจำนวนมากในราคาสูงผิดปกติ และอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น ส่อเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเกิดความเสียหายต่อกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงผู้ลงทุนที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุด วันนี้(10 ก.พ.66) น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งเอาผิด นายอภิมุข บำรุงวงศ์ และพวกรวม 18 ราย เกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พ.ศ.2535 ม.244/3 , 244/5 และ 244/6 (อัตราโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึง 5 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ)
น.ส.รื่นวดี เปิดเผยว่า การมาวันนี้ ก็เพื่อมาแจ้งเอาผิด นายอภิมุข และ พวกรวม 18 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น MORE ในลักษณะผิดปกติ เพิ่มในความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) หลังพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าว มีการสร้างราคาที่เป็นเท็จ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
“เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทาง ก.ล.ต.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการประสานข้อมูลกับทางตำรวจเรื่อยมา ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาช่วยตรวจสอบทำคดีจนคดีมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร” เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นคดีที่ก่อนหน้านี้ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ จาก 11 บริษัทหลักทรัพย์ ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีหุ้น MORE เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อตรวจสอบเอาผิด นายอภิมุข และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น MORE ในลักษณะผิดปกติ ในความผิดฐานฉ้อโกง
โดยแจ้งว่า หุ้น MORE มีการซื้อขายผิดปกติ โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท ในจำนวนนั้นสร้างความเสียหายแก่บริษัทหลักทรัพย์ หลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งในส่วนคดีนี้พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ได้ดำเนินการสอบปากคำผู้กล่าวหา จำนวน 10 ปาก และ พยานที่เกี่ยวข้องอีก 34 ปาก ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเร่งรัดนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีแรกอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้พบพยานหลักฐานว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ยังมีการกระทำที่ส่อไปในทางสร้างราคาหุ้นที่เป็นเท็จ จึงประสานทาง ก.ล.ต.ให้เข้ามาแจ้งเอาผิดเพิ่มเติมอีกคดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีทั้ง 2 คดี มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน จึงอาจมีการพิจารณาเสนอให้มีการนำคดีทั้ง 2 มารวมเป็นคดีเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้กระทำความผิดทั้ง 18 ราย ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี ประกอบด้วย
นายอภิมุข บำรุงวงศ์
นายเอกภัทร พรประภา
นายอธิภัทร พรประภา
นางอรพินธุ์ พรประภา
นายประยูร อัสสกาญจน์
นายวสันต์ จาวลา
Mr. Shubhodeep Prasanta Das
บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด
บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด
นายสมนึก กยาวัฒนกิจ
นางสาวจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ
นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
นางสาวอัยลดา ชินวัฒน์
นางสาวสุร์ศิริ ปรีดาสุทธิจิตต์
นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล
นายมั่นคง เสถียรถิระกุล
นายโสภณ วราพร และ
นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ