รัฐบาลคลอดกฎหมาย 4 ฉบับ คุม “ตลาดทุนดิจิทัล” เบ็ดเสร็จ

14 ก.พ. 2566 | 09:25 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.พ. 2566 | 09:33 น.

ครม.ไฟเขียวร่างกฎหมาย 4 ฉบับ คุมหลักทรัพย์ ตลาดทุนดิจิทัล และสินทรัพย์ดิจิทัล รองรับธุรกรรมในตลาดทุนแห่งอนาคต โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีใหม่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ 4 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการมุ่งสู่ "ตลาดทุนดิจิทัล" โดยขั้นตอนต่อจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป 

สำหรับร่างพระราชบัญญัติ 4 ฉบับ ประกอบด้วย

  1. ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. 
  2. ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. 
  3. ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. 
  4. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พ.ศ. ….

เหตุผลของการเสนอกฎหมาย

กระทรวงการคลัง แจ้งว่า จะช่วยส่งเสริมการมุ่งสู่ตลาดทุนดิจิทัลในการดำเนินการของภาคตลาดทุนโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถดำเนินการได้ครบถ้วนทั้งระบบ ทำให้ผู้ลงทุนและกิจการเข้าถึงตลาดทุนได้สะดวก มีทางเลือกในการใช้บริการที่หลากหลายเพิ่มขึ้น 

นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ ตลาดรอง และองค์กรที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ช่วยลดข้อจำกัดในการระดมทุนในทางปฏิบัติ 

ส่งผลให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีเครื่องมือในการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ลงทุนจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและได้รับความคุ้มครองในมาตรฐานเดียวกัน

รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการกำหนดมาตรการลงโทษ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตลาดทุนโดยรวม ส่งผลให้ภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ 

 

ภาพประกอบข่าวการส่งเสริมหลักทรัพย์ ตลาดทุนดิจิทัล และสินทรัพย์ดิจิทัล

6 สาระสำคัญของกฎหมายใหม่

กระทรวงการคลังได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นตาม ม.77 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มและในรูปแบบของการเสวนา และผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตรากฎหมายดังกล่าวไปเปิดเผยต่อประชาชนด้วยแล้ว 

ร่างพระราชบัญญัติทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์และสาระสำคัญ 6 ข้อ คือ

1. ส่งเสริมตลาดทุนดิจิทัล โดยเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดทุน การออกและส่งมอบหลักทรัพย์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และการออกเสนอขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อื่น ๆ ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยทำให้การดำเนินการในภาคตลาดทุนสามารถดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ครบถ้วน ทั้งระบบ และมีความยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยยังคงมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม

2. เพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ เช่น การปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ถือหุ้นรายใหญ่และการเปิดเผยงบการเงินของผู้ประกอบธุรกิจ การกำกับดูแลบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนในตลาดทุนได้รับบริการที่มีคุณภาพ และได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม 

รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) จะสามารถกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ก่อให้เกิดต้นทุนหรือภาระแก่ผู้ประกอบธุรกิจจนเกินควร

3. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลตลาดรองและองค์กรที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้การจัดตั้ง ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ทำได้ง่ายขึ้น รองรับการซื้อขายหลักทรัพย์รวมถึงโทเคนดิจิทัลที่มีลักษณะคล้ายกับหลักทรัพย์ รวมถึงเพิ่มการคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ฝากหลักทรัพย์ที่ฝากไว้กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และเพิ่มความยืดหยุ่น ในการกำกับดูแลสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์

4. เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลการระดมทุน สำนักงานสอบบัญชี และผู้ประกอบวิชาชีพ ที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน เช่น เพิ่มและปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม หุ้นกู้ การเข้าถือหลักทรัพย์ เพื่อครอบงำกิจการ การกำกับดูแลสำนักงานสอบบัญชีกับผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน การให้อำนาจสำนักงาน ก.ล.ต. 

ในการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องการจดข้อจำกัดการโอนและกำหนดแนวทางการรายงานผลการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ เพื่อลดข้อจำกัดในการระดมทุนในทางปฏิบัติ และให้สำนักงาน ก.ล.ต. มีเครื่องมือการกำกับดูแล ผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน

5. เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและการกำหนดมาตรการลงโทษ โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองพยานในชั้นการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในความผิด บางประเภท การกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวน และเพิ่มบทบัญญัติ 

โดยในเรื่องโทษปรับเป็นพินัยเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 เพื่อให้บุคคลที่จะให้ข้อมูลเบาะแสต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในความผิดบางประเภท ได้รับความคุ้มครองในแนวทางเดียวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นการสนับสนุนกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกัน โดยเพิ่มและปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับองค์ประกอบ คุณสมบัติ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับตลาดทุนให้สอดคล้องกัน รวมทั้งเพิ่มบทบัญญัติเพื่อความชัดเจนให้พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย ว่าด้วยประกันสังคม