การเคลื่อนไหว ราคาหุ้น บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ( BEM ) ปิดตลาดเช้าวันนี้ ( 30 มี.ค.66) ปรับขึ้น 1.14% หรือบวก 0.10 บาท ยืนระดับ 8.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 345.77 ล้านบาท โดยระหว่างวันราคาปรับสูงสุดที่ 8.90 บาท ซึ่งเป็นระดับเดียวกับราคาเปิด และต่ำสุดที่ 8.80 บาท
ส่วนหุ้น บมจ. ช.การช่าง หรือ CK ( บริษัทแม่ BEM ) ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 20.70 บาท บวก 0.30 บาท หรือปรับขึ้น 1.47% มูลค่าซื้อขาย 264.22 ล้านบาท ราคาสูงสุด 21.00 บาท ราคาต่ำสุด 20.50 บาท
สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET index) ปิดภาคเช้ายืนระดับ 1,602.49 จุด ปรับลดลง 8.03 จุด หรือปรับลด 0.50% มูลค่าการซื้อขาย 22,765.14 ล้านบาท
ทั้งนี้เช้าวันนี้ ( 09.30 น.) ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดี"ล้มประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม" หลังจากที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี (BTSC) ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีมีมติการประชุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ
อ่านเพิ่ม : ศาลปกครองสูงสุด พิพากษา ยกฟ้องคดีล้มประมูล "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ให้คำแนะนำ "หุ้น CK" ราคาพื้นฐาน 33.34 บาท
หลังศาลปกครองสูงสุดกลับคําพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งยกฟ้อง รฟม.-คณะกรรมการคัดเลือก มองเป็นบวกกับ CK และบริษัทลูกคือ BEM อาจส่งผลให้การอนุมัติของโครงการรถไฟฟ้าดังกล่าวเกิดขึ้นได้เร็ว ภายหลังได้ครม.ชุดใหม่
ราคาหุ้นมี upsides มากกว่า 50% จาก backlog ปี 66 ที่ 5.3 เท่า ของปี 62 และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดกําไรปกติปี 66/67 = 1.8/7.3 เท่า และ MV/EV ปัจจุบันอยู่ที= 1.16/1.27 เท่า
ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินหุ้น BEM โดยแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 11.10 บาท โดยมองว่าเป็น Positive sentiment ต่อ BEM เนื่องจากคำพิพากษาไม่ทำให้ผลการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ BEM เป็นผู้ชนะเปลี่ยนแปลง และทำให้คดีที่ยังรอคำพิพากษาของศาลฯ เหลืออีกแค่ 2 คดี ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง
ทั้งนี้ คดีที่ยังอยู่ในศาลฯ ได้แก่
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายหุ้น BEM ที่ 11.10 บาท ( รวมมูลค่าเพิ่มจากรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว ) ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นต่อเนื่องหลัง COVID-19 คลี่คลาย และได้ประโยชน์จากการเปิดให้บริการ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเต็มที่ คาดกำไรสุทธิ ปี 2566-2567 เติบโต +43%( yoy ) และ+30% (yoy) ตามลำดับ และยังมีลุ้น Positive sentiment จากการลงนามสัญญา รถไฟฟ้าสายสีส้มหลังคดีต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ในศาลฯ เป็นที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ ยังมี Upside จากโครงการ Double Deck อาจช่วยขยายอายุสัมปทานทางด่วน เบื้องต้นประเมินภายใต้สมมติฐาน BEM ได้ขยายอายุสัมปทานทางด่วนออกไปอีก 10 ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่มต่อหุ้นที่ 0.94 บาท