ETC ชนะโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โรง ดันยอดโตพุ่ง 500%

06 เม.ย. 2566 | 07:19 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2566 | 07:20 น.

ETC ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โครงการ กำลังการผลิตรวม 99 เมกะวัตต์ เดินหน้าขายไฟ(COD) ในปี 2568 ด้านโบรก ฯ อัพราคาเป็น 7.00 บาท ประเมินชนะประมูล"โรงไฟฟ้า 1 โรง สร้างกําไรเพิ่ม 160-180 ล้านต่อปี"

 

นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ  ETC เปิดเผยว่า บริษัทในเครือ ETC ได้ชนะการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม (ปี 2569) พ.ศ.2565 อย่างเป็นทางการ โดยโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ จำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 80 เมกะวัตต์ ในอัตรา FiT  6.08 บาท/หน่วย และให้ FiT อัตราพิเศษเพิ่มอีก 0.70 บาทต่อหน่วย สำหรับโครงการขยะอุตสาหกรรม 8 ปีแรก เป็นระยะเวลา 20 ปี เนื่องจาก บริษัทฯ มีความพร้อมในการดำเนินงานทุกด้าน ทั้งความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง ด้านการเงิน และ ด้านเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทฯ เป็น บริษัทย่อยของ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน)  ซึ่งเป็นผู้บริหารขยะอุตสาหกรรม อันดับ 1 ของไทย”

“การชนะประมูลการประมูลครั้งนี้ จะทำให้ ETC เพิ่มปริมาณการขายไฟขึ้นเป็น 96.5 เมกะวัตต์ โตเกือบ 500% จากปัจจุบัน ETC มีโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ และมีสัญญาขายไฟฟ้าจำนวน 16.5 เมกะวัตต์ โดยการชนะการประมูลครั้งนี้จะทำให้ ETC คงความเป็นผู้นำในกลุ่มโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม ที่มีกำลังการผลิตสูงสุด และยิ่งกว่านั้น โครงการนี้ เป็นโครงการที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนในอัตราที่สูง เนื่องจากมีอัตราการขายไฟที่สูงถึง 6.08 บาท/หน่วย และยังมี FiT อัตราพิเศษเพิ่มอีก 0.70 บาทต่อหน่วย สำหรับโครงการขยะอุตสาหกรรม 8 ปีแรก ต่อหน่วยซึ่งเป็นอัตราการขายไฟฟ้าที่สูงที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ ETC มีผลประกอบการสูงมากในอนาคตอันใกล้นี้”

 

ทั้งนี้ มีกำหนดลงนามสัญซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ผู้ผ่านการคัดเลือกรับทราบและยอมรับเงื่อนไขการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายปี 2569 และบริษัทฯ คาดว่าจะเป็นผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) และบริหารและดูแล ซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า (O&M) เองทั้งหมด

จากความสำเร็จจากการชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ซึ่งจะมุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยใช้ศักยภาพในด้านความพร้อมและมีประสบการณ์ในการดำเนินการ อีกทั้ง ยังมีบริษัทในเครือ ที่มีศักยภาพสูงรองรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้า ยังได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศสำหรับการก่อสร้างโครงการในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบวงจร คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี

โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่มเบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีโรงงานผลิตขยะอัดก้อนเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม (SRF) จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ และต้นทุนเชื้อเพลิง ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเปิดกว้างให้แก่พันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมดำเนินการส่วนการซัพพลายขยะอุตสาหกรรม เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์

ทรีนีตี้ อัพเป้าราคาเป็น 7 บาท แนะ "ซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้คำแนะนำ "ซื้อ"  พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 7.00 บาท จากเป้าหมายเดิมที่ 5.25 บาท โดยประเมินว่า การชนะประมูลโรงไฟฟ้า 1 โรง ขนาด 10 MW ( จ่ายไฟจริง 8 MW) จะสร้างกําไรสุทธิส่วนเพิ่มให้กับบริษัทได้ราว 160-180 ล้านบาทต่อปี

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น 10 รายแรก  บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน)  ณ วันที่ 15 มี.ค. 2566 ประกอบด้วย

 

  • 1.บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด(มหาชน) ถือ 984,000,000 หุ้น สัดส่วน 43.93%
  • 2. นายภัคพล งามลักษณ์ ถือ 337,667,600 หุ้น สัดส่วน    15.07%
  • 3.บริษัท อัคคีปราการ จำกัด(มหาชน) ถือ159,935,200     หุ้น สัดส่วน 7.14%
  • 4 น.ส.ภาวศุทธิ โชติกเสถียร ถือ 64,400,000 หุ้น สัดส่วน 2.88%
  • 5.นาย วิชัย วชิรพงศ์ ถือ 55,200,500 หุ้น สัดส่วน 2.46%
  • 6.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือ    38,423,839 หุ้น สัดส่วน 1.72%
  • 7.นาง สิริการย์ เจริญสหายานนท์ ถือ 35,260,300 หุ้น สัดส่วน 1.57%
  • 8.นาย ฐิติ กิตติพัฒนานนท์  ถือ 32,222,200 หุ้น สัดส่วน 1.44%
  • 9.นาย สมศักดิ์ อนงค์เลขา     ถือ 31,600,000 หุ้น สัดส่วน    1.41%
  • 10.นาย สมชาย เลิศขจรกิตติ ถือ 24,200,000 หุ้น สัดส่วน 1.08%