ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิตองค์กร ของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ลงสู่ระดับ “BB-” จาก “BBB+” และคง “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” เช่นเดิม
โดยทริสเรทติ้ง ให้เหตุผลการปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ว่า บริษัทขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 เป็นครั้งที่ 3 โดยคาดว่าจะจัดส่งได้ภายในเดือนมิถุนายน 2566 นอกจากนี้บริษัทยังได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัททั้งชุดและผู้บริหารที่สำคัญ รวมไปถึงการแต่งตั้ง นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
สะท้อนปัญหาบริหารภายใน-งบมีข้อสงสัย
ในมุมมองของทริสเรทติ้ง การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัททั้งชุดนั้น ได้บ่งชี้ถึงความรุนแรงของปัญหาในการบริหารภายในบริษัท ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถชี้แจงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบริษัทได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้การขอเลื่อนส่งงบการเงินออกไปอีกนั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยที่มากมายยิ่งขึ้น เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของงบการเงินในอดีตของบริษัท ผลจากการที่บริษัทไม่สามารถจัดส่งงบการเงินได้ตามเวลาที่กำหนด ถือว่าเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นกู้จะมีการจัดประชุมในวันที่ 28 เมษายน 2566 เพื่อพิจารณาการยกเว้นเหตุผิดนัดจากการส่งงบการเงินล่าช้า ในกรณีที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดดังกล่าว ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการประกาศเหตุผิดนัดตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้และมีสิทธิเรียกร้องให้หนี้ทั้งหมดภายใต้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระในทันที
ในกรณีเช่นนี้ ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทลงสู่ระดับ “C” หรือ “D” ขึ้นอยู่กับผลการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2566 นี้
สำหรับหุ้นกู้ STARK มีทั้งหมด 5 รุ่น ที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอน รวมมูลค่ากว่า 9,198.4 ล้านบาท โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รายละเอียดหุ้นกู้ทั้ง 5 ชุด มีดังนี้