ศึกการ "เลือกตั้ง66" เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมาบนความร้อนแรง ลุ้นคะแนนกันจนถึงโค้งสุดท้าย และคึกคักกว่าทุกครั้งจากการที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉลี่ย 75.22% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ แต่ด้าน "ตลาดหุ้นไทย" ยังไม่ได้รับแรงตอบสนองเชิงบวกเท่าที่ควร โดยยังถูกกดดันจากนโยบายทางการเมือง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย ระบุว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองไทยยังไม่มีความชัดเจน จะตอบสนองต่อตลาดทำให้นักลงทุนยังมีโอกาสขายหุ้นออกมาทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้ตลาดยังมีความผันผวน
ซึ่งกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนช่วงนี้ ให้นักลงทุนมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจบริการ ทั้งการท่องเที่ยว โรงแรม โรงพยาบาล ที่ตอบสนอง "นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ" การบริโภค แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง รวมไปถึงกลุ่มธนาคาร ที่จะได้รับแรงส่งจากการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย
ด้าน บล.ทิสโก้ คาดว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยหลังทราบผลการเลือกตั้งไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อย่างที่คาดไว้เนื่องจากยังต้องติดตามการรวมรวบคะแนนเสียงของ พรรคก้าวไกล ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และยังต้องลุ้นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในการประชุมร่วมรัฐสภาที่ต้องได้คะแนน 376 เสียงขึ้นไป
นอกจากนี้ตลาดยังมีความกังวลกับนโยบายบางอย่างของพรรคก้าวไกล ที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มพลังงานภาคธุรกิจ และตลาดทุน ทั้งการปรับลดราคาพลังงาน และการทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ การขึ้นค่าแรงงานทุกปี รวมไปถึงการเก็บภาษีส่วนต่างกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain Tax)
อย่างไรก็ตามยังคงมองว่า ปัจจัยทางการเมืองจะยังอึมครึมต่อไปในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ทำให้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะ "Sideways to Sideways Down" ในกรอบ 1,500-1,570 จุด