ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านช่วงการ "เลือกตั้ง66" ช่วง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-24 พ.ค. 66 รวมแล้วกว่า 16,540 ล้านบาท
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1-24 พ.ค. 66 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมแล้ว 21,623.00 ล้านบาท ขณะที่ในวันนี้ (24 พ.ค. 66) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 539.77 ล้านบาท
โดยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดที่ 1,536.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.67 จุด (+0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 44,657.53 ล้านบาท
สถาบัน ซื้อสุทธิ 1,146.32 ล้านบาท
บัญชีบล. ขายสุทธิ 379.41 ล้านบาท
ต่างประเทศ ขายสุทธิ 539.77 ล้านบาท
ในประเทศ ขายสุทธิ 227.1 ล้านบาท
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาวะตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายสุทธิต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งว่า แรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเกิดจากความไม่มั่นใจในการจัดตั้งรัฐบาล
ถึงแม้ พรรคก้าวไกล จะมีเสียงข้างมากแต่ก็ยังไม่มั่นใจได้แน่นอนว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้จะมีการลงนาม MOU กับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วก็ตาม โดยยังคงต้องจับตาดูต่อไปในอีกสองเดือน เพื่อรอความชัดเจนจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
รวมทั้งที่ผ่านมาก่อนเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นเหมือนการเลือกตั้งในหลายหลายครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามแรงเทขายของนักลงทุนไม่ได้มาจากฝั่งต่างชาติเพียงอย่างเดียว เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังขาดความมั่นใจในเรื่องอนาคตของรัฐบาลที่ยังเลือนลางใน รวมไปถึงการเปลี่ยน "ขั้วรัฐบาล" จากขั้วเดิมมาเป็นขั้วใหม่ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ทำให้นักลงทุนมีความลังเลในการลงทุนเนื่องจากต้องรอนโยบายที่มีความชัดเจน
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อื่นๆ มองว่าสาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติยังทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่องหลังจากการเลือกตั้งมาจาก 2 ปัจจัย
โดยปัจจัยแรกในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกหลังจากได้รับเงินปันผลในเดือน มี.ค.-เม.ย. จนมีคำกล่าวกันจนติดปากนักลงทุนว่า "Sell in May and go away"
ขณะที่ปัจจัยที่สอง นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นคือ หลังผลการเลือกตั้งออกมาปรากฎว่า พรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนโยบายของพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนนโยบายหลายอย่างทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ จึงเทขายหุ้นออกไปก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับพลังงานที่มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 1 ของตลาดหุ้น โดยประเมินว่าหากนโยบายมมีความชัดเจนโอกาสตลาดหุ้นจะดีขึ้นในปี 2567 มีความเป็นไปได้สูง
นอกจากนี้แหล่งข่าวในตลาดฯ ยังระบุว่า แรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อตลาดหุ้นไทย เกิดจากความไม่มั่นใจทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมไปถึงนโยบายที่แน่ชัดจากการสลับขั้วทางการเมือง จึงชะลอการลงทุนออกไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงแทน