ดาวโจนส์ปิดลบ 50.56 จุด หวั่นกม.เพดานหนี้ไม่ผ่านสภา

31 พ.ค. 2566 | 00:06 น.
อัปเดตล่าสุด :31 พ.ค. 2566 | 00:11 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (30 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนในพรรครีพับลิกันจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,042.78 จุด ลดลง 50.56 จุด หรือ -0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,205.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด หรือ +0.0027%  และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,017.43 จุด เพิ่มขึ้น 41.74 จุด หรือ +0.32%

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้ เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

แต่ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง หลังจากนายแมคคาร์ธีเปิดเผยว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนในพรรครีพับลิกันกล่าวว่าพวกเขาจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ฉบับนี้

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวในวันพุธที่ 31 พ.ค. ก่อนที่จะส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐ และหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งต่อให้ปธน.ไบเดนลงนามเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป อย่างไรก็ดี กระบวนการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะต้องเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย. มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์

ดัชนี Nasdaq ได้แรงหนุนจากการที่หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งทำนิวไฮและขึ้นแท่นเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่ราคาหุ้นจะลดช่วงบวกในเวลาต่อมา โดยปิดตลาดปรับตัวขึ้น 3% และมีมูลค่าตลาด 9.91 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดียได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งอุปสงค์ชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้แชตบอต ChatGPT และแอปพลิเคชันอื่น ๆ

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 4.14% หลังจากมีรายงานว่านายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ได้เข้าพบนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีนในระหว่างการเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยจีนเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเทสลารองจากสหรัฐ และโรงงานผลิตรถยนต์ของเทสลาในเมืองเซี่ยงไฮ้ถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของเทสลา

ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 102.3 ซึ่งแม้ว่าลดลงจากระดับ 103.7 ในเดือนเม.ย. แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 99.0 และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานหลายรายการของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประเดือนเม.ย. ส่วนในวันพฤหัสบดี ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

สำหรับในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนเม.ย.