นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้นี้เป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ซึ่งยังคงใช้ชื่อทรูเหมือนเดิม ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการผสานศักยภาพและจุดแข็งของทั้งทรูและดีแทค หลังการควบรวมทำให้ทรูก้าวขึ้นเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย
"ภายหลังการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคบริษัทและหุ้นกู้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงด้านการเงินและด้านธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ทั้งตำแหน่งทางการตลาด (market position) ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย อีกทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค อาทิ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทย อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ "
หุ้นกู้ครั้งนี้ จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนหนี้หุ้นกู้และ/หรือเงินกู้ยืมที่จะครบกำหนด ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 20 – 21 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายจำนวน 4 ชุด ดังนี้
บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวนยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
โดยผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต มีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้