นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงไม่ปรับตัวไปไหนมาก เนื่องจากรอดูท่าทีว่านายกรัฐมนตรีจะมาจากพรรคใด ระหว่าง "พรรคเพื่อไทย" หรือ "พรรคก้าวไกล" แต่ประเด็นที่สำคัญคือ จำนวนเสียงรัฐบาลจะต้องมีความแข็งแรง สภาห้ามล่ม รวมทั้งฝั่งรัฐบาลจะต้องมีคะแนนเสียงเกิน 280 เสียง เพื่อป้องกันการถูกล้ม
นอกจากนี้ในส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้น ก็ยังคงจับตาว่าใครจะมาเป็นผู้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ เพราะมีผลต่อความมั่นใจ และการตัดสินใจของนักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติ รวมทั้งนโยบายที่จะออกมา หากล้มการผูกขาดตลาด ก็อาจทำให้ตลาดย่อตัวลง เพราะกลุ่มธุรกิจที่มีคู่แข่งน้อยได้รับผลกระทบ
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะยังแกว่งตัวไซด์เวย์ เนื่องจากรอการจัดตั้งรัฐบาล
โดยปัจจัยที่เป็นผลลบ หากมีเกมการเมืองนอกสภา หรือการประท้วงที่รุนแรง เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เพราะนักลงทุนต่างชาติยังรอดู การจัดตั้งรัฐบาลจาก 8 พรรคการเมือง
อย่างไรก็ตามคาดว่าอะไรที่คืบหน้าไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลนั้น จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทย รวมทั้งหากการโหวตนายกรัฐมนตรี สามารถจบลงในเดือนกรกฎาคมนี้ ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ 5%
แต่หากสลับขั้วทางการเมืองนักลงทุนในตลาดคงชะลอการลงทุน เพื่อดูว่าจะมีปัญหาการเมืองนอกสภาหรือไม่ ซึ่งยังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก