กบข.ชี้ครึ่งปีแรกผลตอบแทนสดใส เชื่อตลาดหุ้นไทยแกร่ง

05 ก.ค. 2566 | 06:38 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2566 | 06:38 น.

กบข.ชี้ครึ่งปีแรกผลตอบแทนสดใส เชื่อตลาดหุ้นไทยแกร่ง ระบุครึ่งปีหลังกลับมาดีกว่าเดิมหลังการเมืองชัดเจน ปลื้ม! แก้กฎหมายใหม่ สมาชิกแห่ออมเพิ่มสูงสุด 30%

นางศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ผลการบริหารการลงทุนของกบข. ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ทิศทางผลตอบแทนดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากทิศทางการลงทุนของปีก่อนไม่ดี ทั้งการลงทุนหุ้น และตราสารหนี้ ขณะที่ปีนี้ในช่วงแรกของปี 2566 มีการเปลี่ยนแปลงสูง และมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามา แต่ทิศทางตลาดตราสารหนี้ปรับดีขึ้น 

ขณะที่การลงทุนในครึ่งปีหลัง คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาดีกว่าเดิมแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนขึ้น ขณะที่กรณีมีปัญหาการตกแต่งบัญชีรายได้เทียมนั้น กบข.ยังมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ในระยะยาวยังดีอยู่ เพราะตลาดยังมีความแข็งแกร่ง 

อย่างไรก็ตาม กบข.มีการวางกฎเกณฑ์บริษัทที่จะเข้ามาลงทุนอยู่แล้ว นอกจากดูผลประกอบการดำเนินงานของบริษัทและการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลแล้ว ก็มีทีมดูหุ้นไทยโดยเฉพาะ ซึ่งมีการเข้าไปพูดคุยแผนธุรกิจ หากบริษัทไหนไม่ทำตามแผนธุรกิจก็จะมีการยกเลิกการลงทุน เพราะ กบข.มองถึงแผนการลงทุนระยะยาวเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์รวม 1.25 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น กองสมาชิก 4.65 แสนล้านบาท และกองทุนสำรอง7.88 แสนล้านบาท รวมทั้งมีสัดส่วนการลงทุน ได้แก่ ตราสารหนี้ 60% , หุ้น 18% แบ่งเป็น หุ้นไทย 4.5% ลดลงจากปี2565 เล็กน้อยตามทิศทางของตลาด และส่วนที่เหลือเป็นหุ้นในตลาดต่างประเทศ, และสินทรัพย์ทางเลือกอีก 22% อาทิ ทองคำ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

นางศรีกัญญา กล่าวว่า หลังจากได้มีการแก้พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2566 ให้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อทวีค่าเงินออม ตั้งแต่เดือนมี.ค.66 โดยสมาชิก กบข. สามารถออมเพิ่มได้สูงสุด 27% ของเงินเดือน เมื่อรวมกับเงินสะสม 3% จะสามารถออมกับ กบข. ได้สูงสุดถึง 30% จากเดิม ที่ออมเพิ่มได้สูงสุดเพียง 12% เท่านั้น สมาชิกกบข.ให้ความสนใจ และออมเงิมเพิ่มตามเพดานสูงสุดถึงหลักหมื่นราย 

"จากเดิมกบข.คาดว่าสมาชิกจะทยอยเพิ่มเงินออมครั้งละ 2-3% แต่ปรากฎว่าหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้สมาชิกกว่าหมื่นรายออมเงินเพิ่มขึ้นเต็มเพดานเป็น 27% ของเงินเดือนเลย เนื่องจากสมาชิกมีความต้องการเตรียมความพร้อมรองรับวัยเกษียณอายุ และมีความรู้เรื่องการลงทุนมากขึ้น ซึ่งกระแสตอบรับดีกว่าที่คาด"

นอกจากนี้ ในการปรับปรุงกฎหมายใหม่ ยังได้มีการเปิดให้สมาชิกเลือกแผนการลงทุนเองได้ ตลอดจนมีการปรับแผนการลงทุนสำหรับคนที่ไม่ได้เลือก จากแผนทั่วไปเป็นแผนการลงทุนสมดุลตามอายุ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนผลตอบแทนตามช่วงอายุ ที่ให้ผลตอบในระยะยาวดีกว่าแผนรูปแบบเก่า 

"ยกตัวอย่างเช่น หากสมาชิกอายุยังน้อย จะเน้นลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมาก เริ่มต้นที่หุ้น 75% ที่เหลือเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตร ขณะเดียวกัน สมาชิกในวัยใกล้เกษียณ จะลงทุนผ่านหุ้น 20% ที่เหลือเป็นการลงทุนผ่านสินทรัพย์มั่นคง หรือหากสมาชิกไม่ชอบแผนลงทุนพื้นฐานตามช่วงอายุก็สามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ 12 ครั้งต่อปี"