จากกรณี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาศัยอำนาจตามความมาตรา 267 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ถูกกล่าวโทษ กรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK รวม 10 ราย และห้ามมิให้ผู้กระทำผิดออกนอกราชอาณาจักรไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน
ล่าสุด นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การอายัดทรัพย์สินของอดีตกรรมการ ผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย ก.ล.ต. ถือเป็นการทำตามหน้าที่ ไม่มีประเด็น แต่การอายัดทรัพย์สินบริษัทที่ยังประกอบธุรกิจอยู่ ตั้งแต่ตัว บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น, บริษัท เฟล้ปส์ ดอด์จ อินเตอร์, บริษัท อดิสรสงขลา และ บริษัท ไทยเคเบิ้ล
ทำให้เกิดคำถามตามมาทันที ว่าบริษัทพวกนี้จะไปอย่างไรต่อ จะจ่ายเงินเดือนพนักงาน จ่ายเงินซัพพลายเออร์ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ต้องหยุดโรงงานไป 180 วัน แล้วจะผิดสัญญาส่งมอบสินค้าหรือไม่ ยิ่งเฟล้ปส์ ดอด์จขายสายไฟให้การไฟฟ้า ถ้าผิดสัญญา ส่งของไม่ได้ โดนแบล็กลิสต์ แล้วจะไปอย่างไรต่อ
ทั้งนี้คนกลุ่มแรกที่เดือดร้อนโดยตรงจากการอายัดทรัพย์สินดังกล่าวคือ พนักงานบริษัทที่ต้องถูกลอยแพ และบรรดาคู่ค้าที่วางบิลไปแล้ว หรือผลิตของ ส่งของให้ แต่ยังไม่ได้เงิน คนพวกนี้จะได้รับเงินเดือนสิ้นเดือนนี้ไหม พนักงานคงเตรียมหางานใหม่ คู่ค้าก็เลิกคบ
ต่อมาที่เดือดร้อนคือแบงก์ที่ปล่อยกู้เฟล้ปส์ ดอด์จตรง ซึ่งก่อนหน้านี้แบงก์กำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ค้ำประกันหนี้ไว้ 2 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนจะเอาเฟล้ปส์ ดอด์จเข้าฟื้นฟูกิจการ เพื่อที่แบงก์จะได้ปล่อยสินเชื่อให้ต่อลมหายใจ ในระหว่างที่ขายกิจการต่างๆ ทั้งที่เป็นของสตาร์ค และเป็นของเฟล้ปส์ ดอด์จเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้
แต่เมื่อโดนอายัดแบบนี้ แปลว่าจะไม่สามารถเอาเข้าฟื้นฟูกิจการได้ จะให้กู้เอาเงินมารันโรงงานก็ไม่ได้ เพราะถ้ารอ 180 วันครบเวลาอายัด บริษัทพวกนี้ก็กลายเป็นซากกิจการ โดนแบล็กลิสต์โดยการไฟฟ้าไปเรียบร้อย
นายวนรัชต์ ยอมรับว่า เดิมมีแผนที่จะทำการขายทรัพย์สินทั้งของสตาร์คและเฟล้ปส์ ดอด์จออกไป บวกกับหาอัศวินขี่ม้าขาว (White Knight) มาซื้อกิจการ นอกจากกิจการไปต่อได้ ยังน่าจะได้เงินมาจ่ายคืนผู้ถือหุ้นกู้บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่วันนี้ คำสั่งของ ก.ล.ต. ทำให้แผนนี้ต้องถูกพับไป เพราะแบงก์รอฟ้องล้มละลาย เอาซากโรงงาน ที่ดิน มาขายทอดตลาด มูลค่าจากร้อยอาจจะเหลือยี่สิบ
แต่แบงก์ก็ตั้งสำรองหนี้สูญไปแล้ว เหลือแต่ผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้สตาร์คที่รอเงินที่จะเหลือจากการขายทรัพย์สินพวกนี้ ยิ่งนานวัน แทนที่จะขายกิจการที่รันได้ปกติ ต้องมารอขายเป็นซาก เจ็บหนักกว่าแบงก์ก็ผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นนี่แหละ
นายวนรัชต์ ระบุว่า คนเดียวที่น่าจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คือพวกกลุ่มทุนในกิจการเคเบิลที่มาจีบแบงก์ขอซื้อกิจการทั้งในไทยและเวียดนาม ที่รออีกหน่อย ราคาตกลงเรื่อย ๆ รอจ่ายแค่ 20% ของมูลค่ากิจการก่อนวันโดนอายัดก็ได้