นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุถึงประเด็นการเมืองในประเทศไทยว่า ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ โดยประเด็นการ "โหวตนายกฯ" ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เป็นประเด็นที่นักลงทุน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศจับตามอง ซึ่งจะมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นทันทีในระยะสั้น
หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลตอบรับในเชิงบวก ในลักษณะเดียวกับ ช่วงการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
แต่ยังคงต้องติดตามนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่หลังจากนั้น ว่าจะส่งผลสนับสนุนให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมไหนเป็นพิเศษบ้าง
ทั้งนี้หากการ เลือกนายกรัฐมนตรี มีความยืดเยื้ออาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เกี่ยวกับทิศทางการกำกับนโยบายทางเศรษฐกิจ ส่วนการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยในประเทศ
แต่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นแทบจะทุกภูมิภาค หลังจาก ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ยังคงดำเนินนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเป็นการปรับขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 นี้ ปัจจัยที่นักลงทุนติดตามมาเป็นอันดับต้นๆ คือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจากต้นทุนราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันอยู่ในระดับไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา