บริษัท เทิร์นคีย์คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เข้าซื้อหุ้น บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลย (AIT) รวมทั้งหมด 357,126,471 หุ้น คิดเป็น 24.95% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำแล้วทั้งหมดของ AIT ในราคาหุ้นละ 6.80 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 2,428.46 ล้านบาท
บริษัทจะทำรายการซื้อจาก
อ่านเพิ่ม : TKS ยกเลิกดีลซื้อหุ้น AIT จาก SABUY - พับแผนออกหุ้นเพิ่มทุน PP
บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนในการชำระค่าหุ้น AIT ด้วยเงินทุนหมุนเวียน 378,460,002.80 บาท, เงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 434,320,000.00 บาท และชำระค่าตอบแทนให้แก่ SABUY ด้วยหุ้นเพิ่มทุน 64,627,200 หุ้น ในรูปแบบการเสนอขาย PP แทนการชำระด้วยเงินสด
คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เพื่อใช้ชำระเป็นค่าหุ้น AIT ส่วนหนึ่ง ซึ่งคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว แทนการชำระด้วยเงินสดให้กับ SABUY ร่วมกับการชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด 812,780,002.80 บาท ให้กับผู้ขายทั้งหมดที่เหลือ
บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขาย PP ดังนี้
พร้อมทั้งแต่งตั้งบริษัท สีลม แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญของ AIT และธุรกรรมการจัดสรรหุ้นซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 9 ต.ค.66
ภายหลังที่ธุรกรรมการซื้อหุ้นสามัญของ AIT เสร็จสิ้นจะส่งผลให้ TKC เข้าไปถือหุ้นใน AIT 24.95% ซึ่งไม่ได้ทำให้บริษัทต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ AIT (Tender Offer)
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัท บริษัทได้พันธมิตรธุรกิจที่มีความชำนาญด้านธุรกิจเพิ่มเติมมากขึ้น ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวสามารถช่วยให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และความพร้อมในการรองรับโครงการในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากคู่แข่งรายอื่นๆ และสามารถขยายฐานลูกค้าของธุรกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้นยัง มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ มากขึ้น เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหุ้นใน AIT และกระแสเงินสดรับจากเงินปันผล AIT