เป็นที่รู้กันดีในช่วงผ่านมา ที่มีประเด็นปัญหาใน "ตลาดทุน" อย่างประเด็น คดีหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) "STARK" ที่มีการทุจริต
จนนำไปสู่การเป็นคดีพิเศษของทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่มียอดมูลค่าความเสียหาย และผู้เสียหายจำนวนมาก รวมไปถึงคดีอื่นๆ ทำให้ประเด็นนี้เป็นที่น่าจับตามอง และสนใจติดตามจากคนในแวดวงตลาดทุน
โดยรายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะผู้กำกับดูแล ได้เปิดเผยข้อมูล "การดำเนินคดีทางแพ่ง" พบว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีจำนวนคดี 5 คดี มีผู้กระทำความผิด 16 ราย
คิดเป็นค่าปรับทางแพ่ง 89.6 ล้านบาท ซึ่งผู้กระทำความผิดมีการชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับ 1.34 ล้านบาท และเงินชดใช้ในการตรวจสอบ 3.06 แสนบาท
ขณะที่ในปี 2565 ที่ผ่านมาการดำเนินคดีทางแพ่ง รวม 8 คดี มีผู้กระทำความผิด 42 ราย คิดเป็นค่าปรับทางแพ่งรวม 74.03 ล้านบาท ซึ่งผู้กระทำความผิดมีการชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับ 22.14 ล้านบาท และเงินชดใช้ในการตรวจสอบ 1.53 แสนบาท
สถิติการดำเนินคดีอาญา และร้องทุกข์กล่าวโทษของทาง ก.ล.ต.
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 การดำเนินคดีอาญา พบว่ามีจำนวนคดีทั้งสิ้นรวม 133 ข้อหา มีผู้กระทำความผิด 65 ราย และมีจำนวนเงินค่าปรับ 41.26 บาท
ขณะที่การร้องทุกข์กล่าวโทษครึ่งปีแรกของปี 2566 มีจำนวน 19 คดี และมีผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษรวม 100 ราย
ทั้งนี้ในบางเรื่องที่สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษจะนับมากว่า 1 คดี เนื่องจากพฤติกรรมในเรื่องนั้น เป็นการกระทำความผิดที่ต่างประเภทกัน ซึ่งสามารถแยกดำเนินคดีได้
จากตัวเลขสถิติที่แสดงออกมาเห็นได้ว่าคดีทางแพ่งที่มีการกระทำความผิด เพียงแค่ครึ่งปีของปี 2566 แม้จะมีจำนวนคดีที่น้อยกว่าทั้งปี 2565 แต่หากสังเกตที่ยอดตัวเลขค่าปรับทางแพ่ง
ถือว่าขยับแซงหน้าไปแล้ว แม้จะยังไม่ครบปีก็ตาม หรือจะเปรียบเทียบได้ว่าการกระทำความผิดแม้จะมีไม่มากราย แต่วงเงินความเสียหายมีเพิ่มมากขึ้นจากกรณีคดีใหญ่
แต่ในส่วนของคดีอาญาค่าปรับยังอยู่ต่ำกว่าปี 2565 ที่ทั้งปีมีค่าปรับ 125.53 ล้านบาท จากจำนวนคดีทั้งหมดรวม 412 ข้อหา
อย่างไรก็ตามเงินค่าปรับทางแพ่ง และเงินชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำผิด ถือเป็นรายได้แผ่นดินที่ทาง ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลัง