นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า S ออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พร้อมเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไประหว่างวันที่ 8-10 สิงหาคม 2566
ทั้งนี้ หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable)
สำหรับ บมจ.สิงห์ เอสเตท ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุม ธุรกิจโรงแรม ภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SHR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยปัจจุบัน SHR เป็นเจ้าของโรงแรมทั้งสิ้น 38 แห่ง ห้องพัก 4,552 ห้อง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญกระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5 ประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย
บริษัทฯ มีนโยบายในการพัฒนาทั้งแนวสูงและแนวราบหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ได้แก่ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงและให้ผลตอบแทนต่อการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
“ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว ซึ่งเชื่อว่า ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ “นางฐิติมากล่าว
ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ บมจ.สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า หุ้นกู้ สิงห์ เอสเตท ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ลงทุน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักคือความเชื่อมั่นในแผนการดำเนินธุรกิจในภาพรวม บนกลยุทธ์การกระจายธุรกิจที่หลากหลายและมีโอกาสสร้างการเติบโตในอนาคต รวมถึง “แบรนด์” ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศของ สิงห์ เอสเตท
อีกทั้งผู้ลงทุนยังมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีความเข้มแข็งทั้งโครงสร้างธุรกิจ ฐานะการเงิน และการดำเนินการภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนแสวงหา ขณะเดียวกัน อายุของหุ้นกู้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ทำให้หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากผู้ลงทุนประชาชนรายย่อย