จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมเพิ่มดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF เป็นทางเลือกการใช้งานสำหรับผู้เกี่ยวข้องเพิมเติมจากดัชนี SET50 และ SET100 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเผยแพร่หลักเกณฑ์ในระยะถัดไป โดยจะประกาศใช้ในวันที่ 1 ม.ค.67
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ประเมินว่า ดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF น่าจะมีแนวโน้ม หรือ Sentiment ต่อตลาดและหุ้นต่างๆ ดังนี้
1. ดัชนีใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอนาคต ช่วยลดความผันผวนในดัชนีเก่าจากหุ้นที่มีสัดส่วนรายย่อยต่ำ หนุนให้กองทุนทั้งไทยและต่างประเทศอาจนำมาเป็น Benchmark วัดผลการดำเนินงานของกองทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม
2. สภาพคล่องของดัชนีใหม่มีโอกาสสูงขึ้น เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ คำนวณ Turnover ของ SET100 ในปีนี้ ได้ 70.1% ต่อปี แต่ถ้าแปลงเป็นดัชนีใหม่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 80.2%
3. Sector ที่มีโอกาสได้สัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปกติ เด่นๆ คือ BANK, HELTH,CONMAT, TOURISM, CONS มีโอกาสที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นสูงเกิน 40% จากน้ำหนักดัชนีเดิม
4. หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย ( Free float) ต่ำจะไม่ถูกกดดันเหมือนความกังวลที่ผ่านๆมา เพราะจะไม่ถูกกำจัดออกจาก SET50 และ SET100 อาทิ หุ้นใหญ่ที่มี Freefloat น้อย เริ่มจากDELTA 22.4%, OR 23.7%, GPSC 24.8%, AWC 25.0%, GULF 26.1%,INTUCH 28.4% และ AOT 30.0% เป็นต้น
5. หุ้นที่มี Freefloat สูงกว่าค่าเฉลี่ยราว 48% จะได้รับ Sentiment เชิงบวก เพราะจะมีน้ำหนักในดัชนีใหม่สูงมากกว่าดัชนีเดิมพอสมควร อาทิ BBL มี Freefloat สูงสุด 98.6% มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจาก 2.2% ใน SET100 มาเป็น4.8%ใน SET100FF หรือเพิ่มขึ้นกว่า 117% จากสัดส่วนเดิม ตามมาด้วย KKP มี Freefloat 92.6%, BANPU 90.8%, KBANK 79.7%, SCB 76.4%, CENTEL 76.3%, TCAP74.5%, TISCO 73.8%, AMATA 72.1%, SIRI 71.2%, AP 70.0%, TU 69.9%