นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีบริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,221.2 7 ล้านบาท เพิ่มจากสิ้นปี 2565 จำนวน 494.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.65% เป็นผลจากการที่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้โดยได้ลงทุนซื้อหนี้ใหม่เพิ่มเข้ามารวมกว่า 183.88 ล้านบาทและบริษัทได้ออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาท ทำให้รายการเงินฝากในธนาคารเพิ่มขึ้น 267.90 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิเพิ่มขึ้น 208.93 ล้านบาทจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มเข้ามา
นายทวี กล่าวว่า บริษัทมีส่วนของเจ้าของหรือส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,131.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 36.40 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยงวด 6 เดือน และไตรมาส 2 ของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 49.53 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.62 ล้านบาท ตามลำดับลดลงเมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนเกิดจากการลดลงของกำไรจากการขายทรัพย์สินรออการขายที่ลดลงเพราะในงวดไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรจากการขายเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้จำนวน 57.61 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เพิ่มขึ้นโดยงวดงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 รายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้สุทธิ 69.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.34 ล้านบาท หรือ 276.17% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เพิ่มขึ้น สำหรับลูกหนี้ที่รับโอนเข้ามาใหม่ระหว่างปี 2565 และไตรมาส 1 ปีนี้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้เพื่อลงทุนซื้อ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพก็ตาม
“บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการเข้าประมูลซื้อหนี้โดนเน้นหนี้ที่มีความชำนาญและยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 77.5 %” นายทวีกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า ทิศทางครึ่งหลังของปียังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 900 ล้านบาท และประเมินว่าปีนี้ทั้งปีสถาบันการเงินจะนำหนี้ออกมาประมูล ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท และบริษัทก็มีความพร้อมเข้าประมูลเพราะได้เตรียมสภาพคล่องไว้รองรับแล้ว ส่วนเป้าหมายรายได้ใน 3 ปี (2567-2569) เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% จากปีนี้คาดรายได้เติบโต 30% มูลค่าพอร์ตลงทุนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
สำหรับราคาเปิดตลาดของ KCC วันนี้ 9 ส.ค. เปิดตลาดราคาอยู่ที่ 5.55 บาท.