ALL ชี้แจงกรณีผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินสิ้นสุด 30 มิ.ย.66

15 ส.ค. 2566 | 22:05 น.

ALL ชี้แจงกรณีผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินสิ้นสุด 30 มิ.ย.66 เหตุขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผิดนัดชำระหนี้ และถูกฟ้องร้อง อาจกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท ไม่ได้มีสาเหตุจากการที่ผู้สอบบัญชีถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร

นายธนากร ธนวริทธิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) หรือ ALL ได้นําส่งงบการเงินสําหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 30  มิถุนายน 2566 ของบริษัท ซึ่งผู้สอบบัญชีได้สอบทานและรับรองงบการเงิน โดยไม่แสดงความเห็นต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลที่สอบทาน ดังต่อไปนี้

1) การขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ในงบการเงินรวม และงบการเงินเฉพาะกิจการ กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 1.00 ล้านบาท และ 0.83 ล้านบาท ตามลำดับ หนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน จำนวน 1,943.07 ล้านบาท และ 1,912.83 ล้านบาท ตามลำดับ และภาระผูกพันในการจ่ายชำระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 1,523.22 ล้านบาท และ 1,433.65 ล้านบาทตามลำดับ

กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้มีผลขาดทุนเกินทุนจำนวน 781.27 ล้านบาท และ 617.74 ล้านบาท ตามลำดับ และขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงเป็นเหตุให้กลุ่มบริษัทไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในปัจจุบันต่อได้ ผิดนัดชำระหนี้ทั้งจากเจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ รวมถึงผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้และผิดนัดชำระคืนเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ อยู่ะหว่างการจัดหาเงินจากแหล่งเงินทุนเพื่อจ่ายชำระหนี้สินหมุนเวียนและภาระผูกพันที่ถึงกำหนดชำระดังกล่าว 

 

สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามแผนธุรกิจเดิมและแผนการขายสินทรัพย์เพื่อนำมาชำระหนี้มีความล่าช้า จึงทำให้มีความไม่แน่นอนที่มีอย่างมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการชำระคืนหนี้สินของกลุ่มบริษัท และเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 ได้มีมติอนุมัติการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ และการจัดจ้างสำนักงาน
ทนายความเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ

2) การผิดนัดชำระหนี้

ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ1 ณวันที่ 30 มิถุนายน 2566กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนเป็นจำ
นวนเงิน 5,321.55 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 2,323.04 ล้านบาท หุ้นกู้ 4 รุ่น ได้แก่ ALL235A ALL230A ALL242A และ ALL252A ผิดนัดชำระดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิเรียกขอเรียกให้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระหนี้โดยพลัน (วันที่ครบกำหนดชำระโดยพลันคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2566) ซึ่งเหตุผิดนัดดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ดังนั้นเมื่อนำมูลหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระโดยพลันซึ่งมีจำนวนมากกว่า 400.00 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆที่เหลือ (CrossDefault) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิ และหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นกู้ได้มอบหมายให้ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ดำเนินการเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดำเนินการฟ้องร้องและบังคับจำนองทรัพย์สินหลักประกันของผู้ออกหุ้นกู้ เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลภายนอก เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปีและเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลภายนอกที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี รวมจำนวน 1,544.69 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และเจ้าหนี้เงินกู้หลายรายฟ้องร้องบริษัทต่อศาลแพ่งและศาลอาญาให้บริษัทฯ จ่ายชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีภาระหนี้สินอื่นๆ ที่ผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญาอีกเป็นจำนวนมาก

3) การถูกฟ้องร้อง

ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 20 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯถูกฟ้องร้องจากสถาบันการเงิน บริษัทอื่นและบุคคลธรรมดาหลายรายในคดีต่างๆ จากการผิดสัญญาการเรียกร้องค่าเสียหายและอื่นๆ โดยมีทุนทรัพย์สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ รวมจำนวน 317.01 ล้านบาท ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

สถานการณ์ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้นมีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน โดยแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสำคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ

บริษัทฯ ใคร่ขอเรียนชี้แจงว่าการที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็นต่องบการเงินของบริษัท สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร  แต่เกิดจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญตามสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น