*** กรณีการตกแต่งบัญชีของ STARK ส่งผลกระทบกับนักลงทุนในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนต่างชาติ หรือแม้แต่นักลงทุนสถาบัน ที่ถูกภาพลวงตาของความน่าเชื่อถือ ซึ่งเกิดจากผลการดำเนินงานปลอม ที่มีกำไรทุกไตรมาส จนในท้ายที่สุดเมื่อฟองสบู่ของภาพลวงนั้นแตกสลาย ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้น เงินกู้ รวมไปถึงหุ้นกู้ ก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้นักลงทุนเลยสักอย่าง ซึ่งหากจะนับรวมมูลค่าความเสียหายก็น่าจะรวมกันแล้วหลายหมื่นล้านบาท
โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นกู้ที่ออกโดย STARK เพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าร่วม 10,000 ล้านบาท กลายเป็นของฝากที่สร้างบทเรียนและบาดแผลได้เจ็บลึกมากที่สุดของหุ้นตัวนี้
เจ๊เมาธ์เชื่อว่ากรณีหุ้นกู้ของ STARK จะไม่ใช่ระเบิดที่ถูกเหยียบ จนจุดระเบิดทำร้ายนักลงทุนเพียงครั้งเดียว...หรือครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อเถอะว่าในสมรภูมิใหญ่ ย่อมจะไม่มีกับระเบิด หรือ ระเบิดเวลาแค่เพียงไม่กี่ลูก เพราะอย่างน้อยที่สุดตอนนี้หุ้นกู้ ของ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ซึ่งในปีนี้ได้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ไปแล้วรวม 7 รุ่น รวมมูลค่ากว่า 2,334 ล้านบาท ก็ส่อแววว่าจะกลายเป็น “ระเบิดเวลาหุ้นกู้” ลูกใหม่ของตลาดหุ้นไทย จนอาจจะเดินซ้ำรอยหุ้นกู้เจ้าปัญหาทั้งสองตัว และอาจทำให้บริษัทดีๆ ที่ต้องการระดมทุนด้วยการขายหุ้นกู้ไม่สามารถระดมทุนได้ และเมื่อระดมทุนไม่ได้...ก็อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องจนระบบการเงินมีปัญหาตามมาได้เช่นกัน
ขณะนี้นอกจากหุ้นกู้ของทั้ง STARK และ ALL ที่ได้แสดงตัวชัดเจนว่ามีปัญหาไปแล้ว ล่าสุดก็ยังมีหุ้นกู้ของอีกหลายบริษัทที่กำลังจะปล่อยออกมา ซึ่งถ้าหากนับทั้งหมดรวมกัน ก็น่าจะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว เพราะมีทั้งหุ้นกู้ของ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME หุ้นกู้บริษัท อาริยา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A หุ้นกู้บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK หุ้นกู้บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN หุ้นกู้บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD หุ้นกู้บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S หุ้นกู้ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY หุ้นกู้ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP หุ้นกู้บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP หุ้นกู้บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN หุ้นกู้บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR หุ้นกู้บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF และ หุ้นกู้บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าหุ้นกู้ทุกตัวที่เจ๊เมาธ์พูดถึง จะมีปัญหาไปทุกตัว เพียงแต่ประเด็นของการล่มสลายในกรณีหุ้นกู้ของ STARK ที่พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ได้จุดชนวนความกังวล จนทำให้นักลงทุนพากันระแวงหุ้นกู้ตัวอื่น
อย่างหนึ่งก็เป็นเพราะหุ้นกู้ของ STARK มีงบการเงินที่ผ่านตรวจสอบ จากผู้ตรวจสอบบัญชีระดับ Big4 รวมไปถึงเป็นหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตที่ดี จากสำนักจัดอันดับเครดิตระดับโลกการันตีซ้ำเข้าไปอีก
อย่างที่สองเป็นประเด็นที่ว่า บริษัทเจ้าปัญหาอย่าง STARK ทำไมถึงได้หลุดรอดการตรวจสอบมาได้ และไม่เพียงแค่หลุดรอดการตรวจสอบ แต่บริษัทนี้ยังถูกยกให้เป็นหุ้นใหญ่ระดับแนวหน้าที่อยู่ในดัชนีหลักอย่าง SET100 หลังจากที่เข้าตลาดมาด้วยวิธีการ Backdoor listed ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีซะด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ขณะที่ในส่วนบริษัทเล็กอย่าง ALL ก็ดันมามีปัญหาเริ่มต้นจากการผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้เพียงแค่หลักสิบล้านบาท ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกันกับ STARK เนื่องจากเข้าตลาดมาได้เพียงไม่กี่ปีเช่นเดียวกัน
ถึงตอนนี้ก็ได้แต่ฝากความหวังไปถึงผู้รับผิดชอบดูแล ว่าเรื่องใหญ่ๆ ระดับโลกที่ไม่มีปัญญาจัดการก็ปล่อยมันไปเถอะ ไม่ต้องมาแถลงข่าว ไม่ต้องออกความเห็นออกแอ็คชั่นจนเกินเหตุ เพราะกลไกของโลก ถึงพูดมากไปก็ได้แค่พูดแต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนสิ่งใดที่อยู่ภายใต้บทบาทหน้าที่และการกำกับดูแลก็เรียนเชิญให้ลงรายละเอียด จัดให้หนัก เอาให้เต็มที่ไปเลย อย่าปล่อยให้นักลงทุนต้องดูแลตัวเองเพียงฝ่ายเดียว ไม่ต้องสงสาร...ให้ถือว่าทำตามหน้าที่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,912 วันที่ 10 - 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566