FETCO เล็งถกรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนตลาดทุน ดึงโฟลว์ต่างชาติ

23 ส.ค. 2566 | 08:15 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2566 | 08:18 น.

FETCO จ่อหารือกับรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนตลาดทุน ผลักดัน"นโยบายส่งเสริม - แก้ไขกฏเกณฑ์" หวังดึงเงินลงทุนต่างชาติ พร้อมชงต่ออายุกองทุน SSF ปรับปรุงให้มีความสนใจมากขึ้น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่าทางเฟทโก้จะเข้าหารือกับทางรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมและเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนตลาดทุนร่วมกัน โดยเรื่องหลักๆที่จะเสนอคือ 1. ส่งเสริมตลาดทุน เพื่อเป็นกลไลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ  2. การแก้ไขกฎเกณฑ์ และกฎหมาย ให้สอดคล้องกับ Digital Government เพื่อทำให้การอนุมัติ การอนุญาต การติดต่อทางการ เป็นไปด้วยความสะดวก รวมถึงปรับกฎเกณฑ์ เพื่อป้องกันป้ญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่ผ่านมาพบปัญหาในตลาดทุน เช่นกรณีหุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK), หุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE),  การหลอกลวงการลงทุน เป็นต้น

นอกจากนี้ FETCO และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยังเตรียมเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาออกกองทุนใหม่ หลังจากกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) จะหมดอายุลงในปีนี้ และเตรียมปรับปรุงกองทุน SSF ให้มีความน่าสนใจมากกว่านี้ จากที่ผ่านมาพบว่าไม่ได้เป็นที่สนใจแก่ประชาชนมากนัก
 

ขณะเดียวกัน นายกอบศักดิ์ ได้กล่าวในงาน Thailand Focus 2023 ว่า ตนมองหัวใจสำคัญที่ไทยควรขับเคลื่อนในอีก 4 ปีข้างหน้า มี 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่

เทคโนโลยี โดยจะทำอย่างไรที่จะสามารถก้าวขึ้นไปในเรื่องของการพัฒนาและวิจัย (R&D) เทคโนโลยี เป็นของตัวเอง แนะรัฐบาล หากไทยไม่มีนักวิจัยเป็นของตนเองที่เพียงพอ ก็อยากให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการทำ R&D เพื่อตอบโจทย์ของเอเชีย ขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพของโลกมาใช้ฐานอย่างแท้จริง หรือเปิดโอกาสให้ Headquarter มาตั้งในประเทศไทย โดยมองว่าการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการขับเคลี่อนของเอเชียทั้งหมด จะเป็นจุดที่สำคัญ ที่สามารถทำได้ทันที และใช้ต้นทุนน้อยมาก

ต่อยอดธุรกิจเดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ (New S Curve) เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV), ศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical hub), ศูนย์กลางโลจิสติกส์ (Logistics Hub) รวมไปถึงเรื่องของดิจิทัลต่างๆ เช่น Soft Power, Animation ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นผู้เล่นต้นๆ ของโลก โดยไทยสามารถดำเนินการทันทีเช่นเดียวกัน ทำให้สร้างรายได้ในระหว่างการสร้างฐานใหม่

การส่งเสริมบริษัทไทยไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันอาเซียนถือเป็นเป้าหมายใหม่ของการลงทุนของโลก หากส่งเสริมอย่างเป็นระบบ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้า

สร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการลงทุนของไทย โดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น โครงการ EEC ซึ่งต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง, โครงการท่าเรือฝั่งตะวันตก และโครงการที่จะเชื่อมกับโครงการ Belt and Road รวมถึงการแก้ไขเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปีนี้  FETCO มองว่ามีโอกาสจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้จะเติบโตราว 3% แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยคาดจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวแตะ 3 ล้านคนต่อเดือนในช่วงปลายปีนี้ และเป็นโจทย์สำคัญ จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น เพื่อพลิกฟื้นภาคท่องเที่ยวให้กลับมาเข้มแข็งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงการดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ ผ่านการสนับสนุนให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย เพื่อเป็นการพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทางหนึ่ง