หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 วานนี้ ( 23 ส.ค.2566 ) ขั้นตอนต่อไป คือการจัดทำรายชื่อ ครม.คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นส่งให้สำนักเลขาธิการ ครม.ตรวจสอบคุณสมบัติอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ต่อไปเป็นขั้นตอนทูลเกล้าฯ และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ (รวม 3 สัปดาห์) ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม (รักษาการณ์รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย) คาดว่าช่วงปลาย ก.ย.2566 ครม.ใหม่จะเข้าทำงานได้
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส หรือ ASPS ประเมินว่า ประเด็นดังกล่าว จะทำให้ Sentiment เชิงบวกยังมีอยู่ และผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ไปทดสอบแนวต้าน 1560/1570 จุด ขณะที่ประเด็นถัดไปที่คนส่วนใหญ่พูดถึงและติดตาม คือ นโยบาย Digital Wallet แจกเงิน 10,000 บาท/คน ของพรรคเพื่อไทยที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง หลังประกาศเป็นนโยบายชูโรงของพรรค และมีกระแสว่านายกฯจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งกลุ่มหุ้นที่สามารถเก็งกำไรได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้
1) กลุ่มหุ้นที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ และเครือข่ายโทรคมนาคม ADVANC, TRUE, COM7, SPVI, CPW, IT , SYNEX และ SIS เป็นต้น
2) กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Digital Asset ทั้งหมด
สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่านโยบาย Digital wallet มีโอกาสเกิดขึ้นจริง หลังได้ตัวนายกฯ ดังนั้นหุ้นที่อยู่ในกระแสเก็งกำไรจากประเด็นดังกล่าว และฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ คือ COM7, TRUE, SIRI, SC, JMART, KBANK, SCB และ GULF