ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) "รัฐบาลเศรษฐา" นัดแรกเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.66 ) นโยบายส่วนใหญ่เน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชน ลดค่าครองชีพเป็นหลัก ทั้งการลดค่าไฟฟ้า และน้ำมันดิบ ซึ่งมองผิวเผินจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น-โรงไฟฟ้า ฝ่ายวิจัยฯจะมาจำแนกให้ดูว่า ทั้ง 2 กลุ่มโดนผลกระทบจริงๆ หรือไม่
เริ่มจากการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล เป็นการปรับลดผ่านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ปัจจุบันภาครัฐจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 5.99 บาท/ลิตร ดังนั้นภาครัฐยังสามารถใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นกลไกในการช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือไม่เกิน 30 บาท/ลิตรได้ โดยไม่กระทบต่อกลุ่มโรงกลั่น หรือผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันแต่อย่างใด จะกระทบเพียงภาครัฐที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะลดลงเท่านั้น ดังนั้น แนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา หรือเข้าใกล้แนวรับสำคัญทางเทคนิค ชอบ PTT , PTTEP, TOP, SPRC
ส่วนต่อมา คือ การลดค่าไฟฟ้า ซึ่งยังต้องรอสรุปอย่างเป็นทางการว่าแนวทางการปรับลดค่าไฟครั้งนี้ จะใช้วิธีการใด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดเนื้อข่าวที่แน่ชัด ฝ่ายวิจัยฯจึงจำแนกออกเป็น 2 วิธีที่สามารถเกิดขึ้นได้
สรุป ผลการประชุมครม.นัดแรก มีนโยบายออกมามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชน ลดค่าครองชีพเป็นหลัก ขณะที่ระยะถัดไปเตรียมผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนให้เศรษฐกิจตั้งแต่ 2H66 เติบโตเป็นขั้นบันได