โบรกมอง : ลดค่าไฟ-ค่าน้ำมัน ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น-โรงไฟฟ้าจริงหรือ

14 ก.ย. 2566 | 03:22 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ย. 2566 | 03:34 น.

บล.เอเซีย พลัส ประเมินนโยบาย"ลดราคาน้ำมัน - ค่าไฟฟ้า" กระทบหุ้นกลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มโรงไฟฟ้าจริงหรือ เชียร์ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเมื่อราคาอ่อนตัว ชู PTT PTTEP TOP SPRC

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส  ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) "รัฐบาลเศรษฐา" นัดแรกเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.66 ) นโยบายส่วนใหญ่เน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชน ลดค่าครองชีพเป็นหลัก ทั้งการลดค่าไฟฟ้า และน้ำมันดิบ ซึ่งมองผิวเผินจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น-โรงไฟฟ้า ฝ่ายวิจัยฯจะมาจำแนกให้ดูว่า ทั้ง 2 กลุ่มโดนผลกระทบจริงๆ หรือไม่

เริ่มจากการปรับลดราคาน้ำมันดีเซล เป็นการปรับลดผ่านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ปัจจุบันภาครัฐจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 5.99 บาท/ลิตร ดังนั้นภาครัฐยังสามารถใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นกลไกในการช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือไม่เกิน 30 บาท/ลิตรได้ โดยไม่กระทบต่อกลุ่มโรงกลั่น หรือผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันแต่อย่างใด จะกระทบเพียงภาครัฐที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะลดลงเท่านั้น ดังนั้น แนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา หรือเข้าใกล้แนวรับสำคัญทางเทคนิค ชอบ PTT , PTTEP, TOP, SPRC

ส่วนต่อมา คือ การลดค่าไฟฟ้า ซึ่งยังต้องรอสรุปอย่างเป็นทางการว่าแนวทางการปรับลดค่าไฟครั้งนี้ จะใช้วิธีการใด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดเนื้อข่าวที่แน่ชัด ฝ่ายวิจัยฯจึงจำแนกออกเป็น 2 วิธีที่สามารถเกิดขึ้นได้

  • 1. หากรัฐบาลสามารถใช้วิธีการยืดการชำระหนี้ให้แก่ กฟผ.ออกไป อาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูงอย่าง GPSC (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 30% ของรายได้รวม) , BGRIM (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 27% ของรายได้รวม),GULF (สัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมราว 13% ของรายได้รวม)
  • 2. หากใช้วิธีการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หรือ 500 หน่วย/เดือน จะไม่มีผลกระทบต่ออัตรากำไรของผู้ประกอบการกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP แต่อย่างใด

สรุป ผลการประชุมครม.นัดแรก มีนโยบายออกมามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชน ลดค่าครองชีพเป็นหลัก ขณะที่ระยะถัดไปเตรียมผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนให้เศรษฐกิจตั้งแต่ 2H66 เติบโตเป็นขั้นบันได