จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อถึงแนวคิดการเก็บภาษีหุ้นว่า รัฐบาลจะไม่มีการเก็บภาษีหุ้นตลอดวาระ 4 ปีนี้ พร้อมเตรียมชักชวนธุรกิจระดับโลก เช่น Tesla Microsoft และ Google เข้ามาลงทุนในไทย ผ่านงานประชุม UNGA ครั้งที่ 78
ต่อเรื่องนี้ กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย ต่อภาวะ Overhang ที่ลดลง ผสานโอกาสที่เห็นธุรกิจช่วยสร้าง S Curve ใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ระบุในบทความ " ได้รัฐบาลใหม่ : มีผลกับมูลค่าหุ้น หรือว่าแค่ Sentiment” เผยแพร่เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2566 ว่าการตัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นที่ 0.11% ต่อครั้ง เป็นการเพิ่มต้นทุนของผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก เทียบกับอัตราค่านายหน้า โดยเฉลี่ยที่บริษัทหลักทรัพย์จัดเก็บจากผู้ลงทุน ที่ปัจจุบันต่ำกว่า 0.10% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ลงทุนต่างชาติมีอัตราที่ต่ำมากๆ อาจต่ำถึง 0.03% หรือต่ำกว่านั้น และถ้าใน 1 ปี ซื้อแล้วขายหมุนเวียนไป 5 รอบ ก็จะโดนเก็บภาษีการขายไป 0.55%
"หากรัฐบาลจะเก็บภาษีขายหุ้น เชื่อว่าเป็นผลลบกับมูลค่าหุ้นประมาณ 5% เพราะไปลดผลตอบแทนจากการลงทุนทุกปี แต่ราคาหุ้นได้สะท้อนรับข่าวนี้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะยังมีลุ้นว่ารัฐบาลใหม่อาจไม่ประกาศเก็บก็ได้ สุทธิแล้ว หากเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการก็จะเป็นลบกับมูลค่าหุ้นอีกราว 2.5% อย่างไรก็ตามขอแนะนำ รัฐบาลช่วยดำเนินการให้เศรษฐกิจแข็งแรงก่อน จนราคาหุ้นขึ้นพอให้ผู้ลงทุนมีกำไรสวยๆ ปีละ 7-10% อย่างต่อเนื่องก่อน"