ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ประเมินทิศทางขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลก โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น รับแรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทานน้ำมันตึงตัว จาก 3 ปัจจัย
ประเด็นต่างๆที่กล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นมุมมองการควบคุมระดับราคาโดยผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกให้อยู่
ในระดับที่พึงพอใจราว 85-95 เหรียญฯต่อบาร์เรล (กำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสคิดเป็นประมาณ 40% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก) ประกอบกับช่วงสั้นๆยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังว่าความต้องการการใช้น้ำมันจะฟื้นตัว หลังมีรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนที่ค่อยๆดีขึ้น รวมถึงความคาดหวังเศรษฐกิจโดยรวมของโลกจะฟื้นตัว อีก
ทั้งล่าสุดกลุ่มโอเปกคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 102.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปี 2567 คาดอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่104.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ดังนั้นทุกประเด็นก็ล้วนเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาน้ำมันให้ยังอยู่ในกรอบสูง ซึ่งถือเป็นผลบวกโดยตรงต่อกลุ่มผู้ผลิตและสำรวจปิโตรเลียมหลักที่มีรายได้แปรผันตามราคาปิโตรเลียม ซึ่งได้แก่ PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงกลั่นที่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบโดยปกติแล้วจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวขึ้นตาม ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน supply น้ำมันสำเร็จรูปที่ออกจากโรงกลั่นค่อนข้างตึงตัว อีกทั้งผู้ประกอบการต่างมี inventory ที่ต่ำ จึงส่งผลให้ค่าการกลั่นในปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง 10-14 เหรียญฯต่อบาร์เรล
ภาพรวมค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงจึงเป็น sentiment เชิงบวกต่อหุ้นทุกตัวที่อยู่ในกลุ่มโรงกลั่นทั้ง TOP, SPRC, BCP,ESSO, PTTGC, IRPC ซึ่งฝ่ายวิจัยเลือก TOP เป็น Top pick ของกลุ่มโรงกลั่น