(4 ต.ค. 66) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในหัวข้อ "พัฒนาตลาดทุนไทยรับความท้าทายใหม่" ในงานสัมนา Thailand Economic Outlook 2024 : Change The Future Today ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า บรรยากาศตลาดทุนทั่วโลกในช่วงปีนี้มีความผันผวน จากปัจจัยของเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และระดับราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อนโยบายธนาคารกลางทั่วโลก ที่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย
ขณะที่ ตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยกระทบ ทั้งประเด็นการเมือง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปี 66 ถึงปัจจุบันปรับลดลงเฉลี่ยเหลือ 5.6 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากปี 65 ที่เฉลี่ย 7.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน และจากปีก่อนหน้าเฉลี่ยที่ 9 หมื่นล้านบาทต่อวัน
รวมทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากตลาดหุ้นไทยรวมแล้วประมาณ 5-6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนที่ไหลเข้ามากว่า 8-9 พันล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนปัจจัยที่เป็นแรงกดดันต่อตลาดทุนไทย
ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทาง ตลท. จะต้องพลิกสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ให้ได้ โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่น และการสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทย
"ปี 66 ถือว่าตลาดหุ้นไทยเพอร์ฟอร์มแย่สุดในอาเซียน ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยของเราเองและปัจจัยภายนอก ทำให้ตอนนี้ก็ต้องหาแนวทางในการพลิกสถานการณ์ช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้กับตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่น และการสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทย" นายภากร กล่าว และว่า
อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมของตลาดทุน ยังมีแรงกดดัน แต่ยังสามารถเห็นความต้องการในการระดมทุนของ บริษัทจดทะเบียน ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดทุนไทยยังเป็นที่ต้องการในการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี
ดังจะเห็นว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยติดท็อป 5 ในเอเซีย และติดอันดับ 1 ในอาเซียนที่มีบริษัทจดทะเบียนเข้ามา IPO มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เหตุผลหนึ่งเพราะ บจ.ไทย มีรายได้จากต่างประเทศโดยเฉลี่ย 30-40% การระดมทุนส่วนหนึ่งก็เพื่อไปขยายกิจการในต่างประเทศ
รวมถึงยังมีช่องทางการระดมทุนให้สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มี 3 บริษัทแล้วที่เข้ามาระดมทุนผ่าน Live Platform และมีการระดมทุนไปกว่า 100 ล้านบาท มีมูลค่าตลาดราว 1.25 พันล้านบาท
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังต้องมีการทำงานในด้านการควบคุมและยกระดับคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน พร้อมกับการให้ข้อมูลต่างๆ แก่นักลงทุนให้รวดเร็วที่สุด
ทั้งการแจ้งข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนให้เร็วขึ้น เพื่อให้นักลงทุนประกอบการตัดสินใจลงทุน การแจ้งเตือนนักลงทุนเมื่อเกิดความผิดปกติที่รวดเร็วขึ้น หรือแนวทางกำกับอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์ แต่จะต้องทำให้ไม่เกิดความยุ่งยากในการที่บริษัทจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อทำให้ตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นช่องทางที่น่าสนใจในการที่ภาคธุรกิจเห็นประโยชน์ในการเข้ามาระดมทุนขยายธุรกิจ รวมถึงการออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย