ASPS ชี้โพย 7 หุ้นเด่นน่าเก็บ- มองหุ้นไทย Q4 "ขาขึ้น" มีลุ้น 1,717 จุดปีหน้า
"เอเซีย พลัส" ประเมินหุ้นไทย Q4/66 ขาขึ้น จากนโยบายกระตุ้น ดันทิศเศรษฐกิจ-กำไรบจ.ฟื้น ลุ้นต่างชาติหวนซื้อ ให้เป้าดัชนี SET ปี 66 ที่ 1524 จุด และปี 67 ลุ้น 1717 จุด ชี้เป้า 7 หุ้นเด่น AOT,SCGP,PTTEP,TOP,BCPG,TU, III
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) ในกลุ่มบริษัท เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส4/66 มีโอกาสลุ้นกลับทิศเป็นขาขึ้น แม้มีความเสี่ยงการเกิด Recession ในสหรัฐฯ แต่ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ทยอยดีขึ้นตามลำดับทำให้วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดใกล้จบ โดยตลาดคาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.5% จนถึงสิ้นปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจที่ออกมาสูงกว่าคาด อาทิ PMI ภาคการผลิต,ยอดนำเข้า-ส่งออก, CPI, PPI, ฯลฯ
ในส่วนของประเทศไทยทั้งทิศทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อนับตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 66 จากภาคการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของภาครัฐฯ ซึ่ง ธปท.ประเมิน GDP Growth ไทยปี 66 และปี 67 เติบโต 2.8% และ 4.4% ตามลำดับ โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินกรอบเป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1400-1550 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดหุ้นไทยมีความน่าลงทุนมากขึ้น หลังปัจจัยต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงในช่วงไตรมาส3/66 และมีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก จะไม่ใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกเช่นเดียวกับช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่ประเด็นในประเทศเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อยๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป
หวังต่างชาติหวนซื้อหุ้นไทยช่วงที่เหลือ
ส่วนในมุมฟันด์โฟลว์ (Fund Flow) หลังจากที่ต่างชาติขายสุทธิตราสารหนี้ไทย -1.6 แสนล้านบาท และหุ้นไทยอีก -1.4 แสนล้านบาท ในปีนี้จนเหลือสัดส่วนการถือครองทางตรงหุ้นไทยต่ำเพียง 23.9% หวังว่าจะเห็นการสลับเข้ามาซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยสถิติไตรมาสที่ 4 มักจะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยอยู่แล้วสะท้อนได้จากใน 3 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในไตรมาสนี้ทุกปี โดยซื้อสุทธิเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น ภายใต้ SET INDEX ที่ย่อตัวลงมามากกว่า 10% ในปีนี้ จนมี PBV เหลือเพียง 1.46 เท่า ต่ำกว่าระดับ -1SD ที่ 1.52 เท่าแล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในโซนที่ Downside จำกัด และยังมี Upside จากการประเมินเป้าหมาย SET INDEX ปี 2566 โดยอิง MEYG ที่ระดับ 3.3% ดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% และ EPS ปี66 ที่ 88.6 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1524 จุด และ EPS67F ที่ 99.8 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2567 ที่ 1717 จุด
ชู 7 หุ้นเด่น ราคาน่าสะสม- มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัว
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่อ SET Index มี Valuation เริ่มน่าสนใจเฉกเช่นภาวะปัจจุบัน โดยเลือกหุ้นพื้นฐานเด่น ราคาน่าสะสมและมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาด ได้แก่
- บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT
- บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP
- บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
- บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
- บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU
- บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III
