โบรกแนะหาจังหวะเก็บ "หุ้น TRUE" หลังภาคเช้าปิดร่วง 9.16%

31 ต.ค. 2566 | 08:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2566 | 01:17 น.

หุ้น TRUE รับปัจจัยลบ 2 เด้ง จากกรณีศาลสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และอนุญาโตฯ สั่งชดใช้ 7.1 พันล้าน ปมค่า IC โบรกฯ มองกระทบช่วงสั้น ชี้ใช้เวลานานกว่าได้ข้อยุติ แนะซื้อเก็งกำไร ช่วงย่อต่ำกว่า 6 บาท

จากกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE ต้องชำระผลประโยชน์ตอบแทนส่วนเพิ่มจากรายได้ค่า IC เป็นเงิน 7,066.96 ล้านบาท และเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินจำนวน 4,136.87 ล้านบาท (Net IC ) นับถัดจากวันยื่นคำเสนอข้อพิพาท (22 ตุลาคม 2562) จนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ NT 

โดยคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด "TRUE" ระบุได้พิจารณาแล้ว “ไม่เห็นพ้อง” กับคําชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและจะยื่นคําร้อง “ขอเพิกถอน” คําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่อศาลปกครองกลางต่อไป

 

ส่วนอีกกรณีที่ส่งผลลบต่อ TRUE จากที่ (30 ต.ค.66 ) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้องขอเพิกถอนมติของ กสทช. ที่เกี่ยวเนื่องกับการควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC กรณีนี้ TRUE ได้ยืนยันผลคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไม่กระทบการควบรวม TRUE-DTAC เพราะเป็นเพียงส่งกลับให้ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัย ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน

หุ้น TRUE ปิดภาคเช้า (31 ต.ค.66) ร่วง 9.16%

ประเด็นลบจาก 2 กรณีดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น TRUE เปิดตลาดช่วงเช้า วันนี้( 31 ต.ค.66) อยู่ที่ 6.00 บาท ปรับตัวลดลง 0.55 บาท หรือ -8.40% จากราคาปิดเมื่อวานนี้ที่ 6.55 บาท และปิดซื้อขายภาคเช้าวันนี้อยูาที่ 5.95 บาท ปรับตัวลดลง 0.60 บาท หรือ -9.16%  มูลค่าการซื้อขาย 773.78 ล้านบาท โดยราคาปรับสูงสุดที่ 6.05 บาท และต่ำสุดที่ 5.75 บาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน ให้มุมมองจากปัจจัย 2 กรณี  “ลบ”เชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น TRUE ในระยะสั้น จากประเด็นกรณีข้อพิพาทมติควบรวมเพิ่ม หลังก่อนหน้านี้ช่วงปลายปี (พ.ย.65) ทางสภาองค์กรของผู้บริโภคฟ้องกสทช.และสำนักงานกสทช. ในประเด็นคล้ายกันมาแล้วพร้อมขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว แต่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องไม่ทุเลา  จึงเหลือเพียงคดีหลัก (คดีดำหมายเลข 2421/2565) ที่รับพิจารณา  

 

ส่วนประเด็นเรื่องผลชี้ขาดของคณะอนุญาโตฯ ให้ TRUE ต้องจ่าย 7.1 พันล้านบาท พร้อมเบี้ยปรับ15% ต่อปี เพื่อชดเชย IC ในช่วงปีสัมปทานที่ 21-27 ของ DTAC เดิมนั้น ในเชิงปัจจัยพื้นฐานมองว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่และคาดต้องใช้เวลานาน จึงได้ข้อสรุป เนื่องจากทั้ง 2 ข่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้ว  โดยขั้นตอนต่อไปจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางศาลทั้งศาลปกครองกลางและสามารถอุทรณ์ต่อไปยังศาลปกครองสูงสุดได้อีก  ดังนั้นคาดต้องใช้เวลาหลายปี จึงจะได้ข้อยุติ ทำให้ยังไม่มีผลต่อการดำเนินงานของ TRUE ในปัจจุบันและประเมินว่าเร็วเกินไปที่จะให้น้ำหนักลบต่อประเด็นทั้งสองเรื่อง 

อย่างไรก็ตาม Outlook ช่วงสั้นยังไม่สดใส  เราคงมองแนวโน้มการดำเนินงานช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้าถูกกดดันจาก Integration cost (ค่าใช้จ่ายรวมกิจการ) โดยสำหรับ Q3/66F คาดขาดทุนปกติเป็น -2.7 พันล้านบาท แย่ลงจาก -2.4 พันล้านบาท ใน Q2/66 เนื่องจากจะรับรู้ Integration cost มากขึ้น 

คงแนะนำเพียง Trading Buy โดยคงใช้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 8.10 บาท  เนื่องจากช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้าจะยังถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง

ด้านบล.ลิเบอเรเตอร์ มองประเด็นปมค่าโครงข่าย IC กรณีที่ TRUE แพ้ต้องจ่ายเงินประมาณ 9,400 ล้านบาท ซึ่งเทียบเป็นประมาณ 4% จากราคาหุ้นตอนนี้ 6.55 บาท/หุ้น ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่จบ ต้องติดตามต่อ ในทางเทคนิคมองว่าใกล้ 6 บาท"น่าซื้อ"