นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวในงาน Health & Wealth Expo 2023 ช่วง "แกะพอร์ต ถอดสูตรเซียน" ว่า การลงทุนปีนี้ในพอร์ตขาดทุน เนื่องจากมองภาพดีเกินไป โดยหากท้าวความกลับไปตั้งแต่ต้นไป เราจะรู้กันว่า ใกล้เลือกตั้ง และกำลังจะเปิดประเทศ คาดหวังว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาเสริม และหลังจากมีการเลือกตั้งสถิติตลาดหุ้นจะเป็นในทางบวก แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดตลาดหลักทรัพย์ไทยขณะนี้ติดลบไปกว่า -16% ถือว่าหักปากกาทุกด้ามทั้งนักวิเคราะห์ของไทย และต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากไม่ได้อิงข้อมูลพื้นฐานมากเกินไป และหากดูตามเทคนิคดัชนีหุ้น กราฟสั่งให้ขายตั้งแต่หลุด 1,540 จุดแล้ว แต่เรายังมีความหวังว่า รัฐบาลจะมีนโยบายออกมาหลังจากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต โปรเจ็คต่างๆ จึงทำให้นักลงทุนหวั่นไหว และไม่ได้ทำการตัดขายหุ้น (Cut Loss) ซึ่งเป็นการทำแบบไม่มีวินัย ฉะนั้น หากทำตามวินัย เมื่อกราฟร่วง แล้วทำการขาย เก็บเงินไว้ลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็จะไม่ได้รับผลกระทบมาก โดยตลาดขาลง คำโบราญที่พูดกันว่า “Cash is King” ซึ่งเงินสดก็ยัง คือ พระเจ้า
หากถามว่าตลาดหุ้นลงไปสุดแล้วหรือยัง โดยเทคนิคยังตอบไม่ได้ ซึ่งหากมองโครงสร้างระยะกลางน่ากลัว โดยตั้งแต่ปี 2518 ครั้งที่หุ้นร่วงหนักสุด คือ ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง หลุดจาก 1200 ลงไป 200 จุด ถือว่าลดลงไปกว่า 60%
ขณะที่ในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หุ้นหลุดลงไป 300 จุด ลงไป 40% และวิกฤตโควิด หุ้นล่วงลงไป 900 จุด สูงถึง 40-50%
ขณะที่ปัจจุบันดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1,500 แต่ขณะนี้อยู่เพียง 1,350 คิดเป็นขณะนี้ยังหลุดไปเพียง 10% หากมองสถิติเดิมสามารถลดได้อีกค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นอย่างสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ยอมรับว่ามีความน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม หากมีมาตรการอะไรเข้ามา สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้ ก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติกลับมาได้ เพราะขณะนี้หนึ่งในสาเหตุที่หุ้นร่วง คือ ต่างชาติเทขายหุ้นด้วย
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน มองว่า ตลาดขาลงมีเสน่ห์ซึ่งยั่วยวนให้เข้าไปซื้อตลอดทาง เพราะทุกคนมีความหวังว่าเป็นการลงทุน โดยนักลงทุนจากนี้ไปจะรอดต้องเป็น “ไฮบริด” ต้องรู้ปัจจัยพื้นฐาน งบการเงินของบริษัท และเทคนิค จังหวะการเข้าออกสำคัญ ซึ่งปัจจุบันยากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องมีการปรับตัว จะต้องมีวิธีเอาตัวรอด และที่สำคัญ คือ การดูจังหวะเวลา
นายชนนพล ชนุหะชา นักลงทุน เจ้าของเพจ One2Ten กล่าวว่า เทคนิคในการเรื่องหุ้นจะเลือกแนวโน้มตลาดนำ ประกอบกับภาวะและปัจจัยต่างๆ โดยยอมรับว่าปีนี้พอร์ตค่อนข้างลง ตามแนวโน้มของดัชนีหุ้นที่ร่วงลงไป -16% อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้หุ้นบางตัวเริ่มมีสัญญาณที่ดี
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับสถิติในอดีต สิ่งที่เปลี่ยน คือ อัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ขาลง แต่ขณะนี้กลับมาเป็นขาขึ้น ซึ่งทำให้เม็ดเงินในตลาดต้องไหลออกไปหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น และความเสี่ยงต่ำกว่า ทำให้ความคาดหวังของคนในตลาดน้อยลง
“หมายความว่า สมัยก่อนเราเคยเล่นหุ้นตัวนี้จาก PE 10 เท่า อาจจะเหลือ 7 เท่า แปลว่าตอนนี้เรามองว่าหุ้นบางตัวถูกแล้ว แต่อาจจะกลายเป็นแค่ราคาเหมาะสม เพราะเงินในตลาดไหลออกไปเยอะ ความคาดหวังจึงไม่เท่าเดิม ซึ่งมองว่า หุ้นบางตัวต้องลงไปให้มีพรีเมียมมากกว่านี้ จนมีความมั่นใจได้ว่าตรงนี้ไม่แพ้แล้ว"
ทั้งนี้ มองว่าตั้งแต่เข้าสู่การลงทุนในตลาด 11 ปี การเล่นวิธีการนี้สามารถใช้หลักการเดิมได้ แต่อาจจะมีการพลิกแพลงตามหน้างาน แต่มองว่าตอนนี้หลักการเดิมอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว ในการมองปัจจัยพื้นฐาน เพราะเม็ดเงินไหลออกไปเยอะ และมองว่ายังไม่มีแพนิคในตลาด แต่จะเห็นสถานการณ์ซึม
สำหรับคำพูดที่ว่า “กราฟไม่เคย” หลอกใคร ถือเป็นคำพูดที่อัมตะที่สุด เนื่องจากกราฟจะมาก่อนถึง 90% เพราะกว่างบการเงิน หรือข่าวจะออก กราฟจะขึ้น หรือลงไปก่อนแล้ว และเราจะใช้ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกหุ้น ส่วนจังหวะซื้อ และขายจะใช้กราฟประกอบด้วย หรือเรียกว่า ควรใช้เทคนิคการลงทุนแบบ “ไฮบริด”
ทั้งนี้ ในสภาวะตลาดขณะนี้การเลือกหุ้น มองว่า ควรเลือกหุ้นที่มีเงินสดในบริษัทเยอะ มีหนี้น้อย ค่อนข้างปลอดภัยที่จะซื้อ สามารถดูได้ในงบการเงินของบริษัท รวมทั้งจะต้องมองโมเดลธุรกิจ มองหุ้นที่ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่ก่อเกิดรายได้ได้มาก ขยายตัวได้เร็ว รวมทั้งจะต้องเป็นหุ้นที่มี margin สูง เป็นต้น
นายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ นักลงทุนเจ้าของเพจ Bert Manit กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยปี 2566 นี้ ลงไปกว่า 10% ส่วนพอร์ตของตนนั้นช่วงแรกเหมือนจะประคองได้ แต่ในช่วงเลือกตั้งเราคาดการณ์ผิดพลาด คาดหวังว่าได้รัฐบาลใหม่ จีดีพีประเทศจะดีขึ้น ได้รับการกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ รวมทั้งนโยบายการแจกเงินด้วย
แต่สุดท้ายเกมพลิก หุ้นร่วงลงมา 200 จุด หลังจากรัฐบาลขึ้น แต่ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลทั้งหมด มีปัจจัยมาจากเงินทุนต่างชาติไหลออก มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทด้วย
ทั้งนี้ เมื่อหุ้นร่วง เรายังทำตามเทคนิค คือ การ Cut Loss และนำเงินสดมาเก็บไว้ เพื่อเป็นการเอาตัวรอด ยอมรับว่า เราไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน แต่ต้องคอยอัพเดทสถานการณ์ และสังเกตกราฟไปเรื่อยๆ