ก.ล.ต.เคาะ"ทรัพย์สิน"เป้าหมายลงทุนของ TESG พร้อมเปิดให้ บลจ.ขาย ธ.ค.66

22 พ.ย. 2566 | 11:34 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2566 | 00:41 น.

“ก.ล.ต." เคาะหลักการ "ทรัพย์สิน" กลุ่มเป้าหมายการลงทุนของ Thailand ESG Fund (TESG) ครอบคลุม"หุ้น-ตราสารหนี้-โทเคนดิจิทัล"ที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน (ESG) และเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมเปิดให้ บลจ.เสนอขาย เดือนธันวาคม 2566

ตามที่คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งได้แก่ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในกิจการในประเทศที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดยใช้กองทุนรวมในตลาดทุนเป็นกลไกที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านความยั่งยืน รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการออมระยะยาวผ่านการลงทุนในตลาดทุน โดยให้ ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์รองรับกองทุนรวมดังกล่าวต่อไป

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า “คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุมครั้งที่ 11/2566 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 มีมติเห็นชอบหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: Thai ESG) ที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. ได้ยกร่างประกาศแล้วเสร็จและคาดว่าจะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาประมาณต้นเดือนธันวาคม 2566

โดยในระหว่างนี้ ก.ล.ต. เปิดให้ บลจ. สามารถส่งร่างเอกสารจัดตั้ง Thai ESG ให้ ก.ล.ต. พิจารณาได้ล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ บลจ. และเตรียมพร้อมที่จะเสนอขายกองทุนรวมดังกล่าวให้ผู้ลงทุนได้โดยเร็ว และภายหลังประกาศมีผลบังคับใช้ ก.ล.ต. จะสามารถอนุมัติจัดตั้ง Thai ESG ได้ภายในต้นเดือนธันวาคม 2566 เช่นกัน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวในปีภาษี 2566 ได้

 

 

ก.ล.ต.เคาะ\"ทรัพย์สิน\"เป้าหมายลงทุนของ TESG พร้อมเปิดให้ บลจ.ขาย ธ.ค.66

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) มีมติเห็นชอบหลักการให้ Thai ESG ลงทุนในทรัพย์สินที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ดังนี้ 

1.หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) และหรือ 

2. หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่ผ่านการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบ และหรือ 

3. ตราสารหนี้ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน

4.โทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนที่มีมาตรฐานในทำนองเดียวกันกับตราสารหนี้ดังกล่าว 

ทั้งนี้ Thai ESG ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวมตามหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้รับข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน โดย Thai ESG จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอจัดตั้งและแก้ไขโครงการจาก ก.ล.ต. เช่นเดียวกับ SRI Fund ด้วย**

 

อนึ่ง ภาครัฐเห็นความสำคัญที่ประชาชนจำเป็นต้องมีการออมการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว จึงได้สนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ลงทุนใน Thai ESG โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุน มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับปีภาษีที่มีการลงทุน รวมทั้งเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี ถ้าการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนใน Thai ESG ไม่น้อยกว่า 8 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน 

 

หมายเหตุ :

* ตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย Green bond Sustainability bond และ Sustainability-linked bond

** หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) กำหนดให้ บลจ. ที่บริหารจัดการ SRI Fund ต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนภายใต้มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง SRI Fund ได้อย่างสะดวก และมีข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการฟอกเขียว (greenwashing) โดย ก.ล.ต. ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบด้วยค่าธรรมเนียมคำขออนุมัติจัดตั้ง 100,000 บาท ต่อกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมคำขอแก้ไขเพิ่มเติมโครงการจัดการกองทุนรวม ไม่เกิน 5,000 บาท ต่อกองทุนรวม