‘กอบศักดิ์’ เปิด 4 เรื่องตลาดทุนไทยต้องเร่งทำ

29 พ.ย. 2566 | 09:32 น.
อัพเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2566 | 09:41 น.

‘กอบศักดิ์’ ประธาน FETCO เปิด 4 เรื่องที่ตลาดทุนไทยต้องเร่งทำ เพื่อให้รอดพ้นช่วงโค้งสำคัญของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันยังมีแรงกดดันพอสมควร คาดฟื้นตัวกลางปีหน้า หลังธนาคารกลางแต่ละประเทศประกาศลดดอกเบี้ย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวปาฐกาพิเศษ 'อนาคตตลาดทุนไทยกับการเคลื่อนย้ายทุนในกระแสการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก' ภายในงานสัมมนาวิชาการ SEC Capital Market Symposium 2023 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

โดยระบุว่า โลกกำลังเข้าสู่โค้งสำคัญ ซึ่งมีความท้าทาย 4 ด้าน ได้แก่

  1. เทคโนโลยี
  2. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
  3. มหาอำนาจใหม่จากเอเชียและอาเซียน
  4. การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ ตลาดทุนไทยต้องการมาตรการจากหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนเข้าให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือการออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากกระทรวงการคลัง , ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ก.ล.ต.

“วิกฤตต่าง ๆ ก็สำคัญ แต่ท่ามกลางวิกฤติและความท้าทาย เราสามารถมองเห็นโอกาสได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 4 เทรนด์ความท้าทาย ก็ยังมีโอกาส เพราะเราก็ยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้เยอะมาก ๆ ในกลุ่มเหล่านี้”

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)

สำหรับประเด็นสำคัญในการทำให้ตลาดทุนไทยรอดช่วงโค้งสำคัญและสร้างอนาคต มองว่ามีทั้งหมด 4 เรื่อง ไดแก่ 

  1. สินทรัพย์แห่งอนาคต เช่น คริปโตเคอเรนซี อย่าง Bitcoin ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในขาลงอย่างที่หลายฝ่ายคิด แต่กำลังอยู่ในช่วงผ่านเวลาแห่งความท้าทายให้เกิดบทเรียน และเกิดจุดที่เริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วยฐานที่แท้จริง ทั้งนี้ชื่นชม ก.ล.ต. ไทย ที่ทำงานในการออกกฎระเบียบได้อย่างรวดเร็ว แต่โจทย์ต่อไปคือการควบรวมคริปโตเคอเรนซี เข้ากับตลาดทุนไทยได้อย่างไร?
  2. การปฏิรูปตลาดทุนไทย ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ไปจนถึงการพัฒนา Single Portal ผ่านรัฐบาลจุดเดียวให้ทุกฝ่ายใช้ร่วมกัน ทั้งนี้ ท่ามกลางการเแลี่ยนแปลง ตลาดหลักทรัพย์ต้องปรับเปลี่ยนให้ตลาดทุนมีการผ่านจุด ๆ เดียว เพื่อให้ต้นทุนถูกลง 
  3. การปิดจุดมืดตลาดทุนไทย ซึ่งในตลาดหลักทรัพย์ มีหุ้นเล็ก และ Unrated Bond จำนวนมากที่ไม่มีการซื้อขาย หรือ มีการซื้อขายน้อย ซึ่งต้องเพิ่มศักยภาพให้เป็นขนาดกลาง / ขณะที่การปั่นหุ้น แม้จะเป็นปัญหาที่มีอยู่แล้ว เกิดขึ้นมานาน แต่ต้องแก้เให้ได้ เพื่อเพิ่มศักยภาพตลาดทุน และกรณีอย่างหุ้น More และ Stark ต้องไม่เกิดขึ้นอีก และต้องเร่งจัดการสะสาง หลังปัญหาลุกลามขึ้นมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย
  4. การสนับสนุนภาพรวมตลาดทุนไทย (Capital Market for all) เริ่มจากเรื่องความยั่งยื่นก่อน หรือ Sustainability / ESG , Social Contribution / Credit และ SMEs / Community ซึ่งหลายส่วนรัฐบาลกำลังเร่งทำอยู่ แต่ต้องทำให้เห็นผลเป็นประจักษ์ให้ได้

สำหรับหุ้นไทยปัจจุบันยังอัพไซด์พอสมควร และน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว แต่สิ่งที่น่ากังวลและจะเป็นแรงกดดันสำคัญระยะสั้นไปจนถึงกลางปีหน้า ได้แก่

  1. ผลประกอบการของบริษัทดี แต่กำไรไม่ดีเท่าที่ควร
  2. การไหลกลับของเงินทุนที่เข้ามาปีที่แล้วจำนวนมาก
  3. ปัญหาประเทศในแต่ละภูมิภาค

ใน 3 เรื่องข้างต้น มองว่าการเคลื่อนย้ายของเงินทุนโลกกำลังสร้างปัญหาพอสมควร ตั้งแต่ต้นปีมานี้มีเงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทยแล้วราว 2 แสนล้านบาทไปยังตลาดทุนสหรัฐฯ โดยเฉพาะตราสารหนี้ และในปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดูดเงินกลับไปแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท หากรวมกับที่ผ่านมาอีก 7 แสนล้านบาท โดยรวม เฟดดูดเงินทุนไหลกลับไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท

“ช่วงโควิด เฟดอัดฉีดสภาพคล่อง 5 ล้านล้านบาท และยังมีทีท่าจะดุงสภาพคล่องออกไปอีกต่อเนื่องในปีหน้า รวมถึงน่าจะยังมีการออกบอนด์ของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก”

ส่วนเรื่องของโอกาสของตลาดทุนไทย ด้วยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ประแต่ละประเทศ ก็อาจจะทำให้ตลาดเอเชียและอาเซียนกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น เทคโนโลยี , Green Energy , ChatGPT , OpenAi , Robotic หรือ เมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมอนาคตที่จะมาแรงในช่วง 10 ปีนี้

ขณะเดียวกันตลาดทุนในไทย น่าจะไทยมีเสน่ห์น้อยลง ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะส่วนใหญ่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น รถยนต์ , อาหาร , ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ , โรงเหล็ก , น้ำมัน และ ปิโตรเคมี ซึ่งไม่ใช่หุ้นแห่งอนาคตอีกต่อไป

“30 ปีที่แล้ว ตลาดทุนไทยเหมือนสาวเซ็กซี่อายุ 18 ปี แต่พอเวลาผ่านไป นักลงทุนกลับไม่มีรู้จะซื้ออะไรที่นี่แล้ว เพราะส่วนมาเป็นหุ้นประเภทเดิม ๆ เทียบกับหุ้นใน S&P 500 มี New Sector เกิดใหม่มหาศาลในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี”

‘กอบศักดิ์’ เปิด 4 เรื่องตลาดทุนไทยต้องเร่งทำ ‘กอบศักดิ์’ เปิด 4 เรื่องตลาดทุนไทยต้องเร่งทำ

อย่างไรก็ตาม แนะนำว่า ถ้าไทยเราไม่สามารถดำเนินการริเริ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้เอง ก็ควรเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาทำ โดยใช้โอกาสความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ ดึงยูนิคอร์นจากต่างประเทศที่ป่าที่กำลังไฟไหม้ มาอาศัยในป่าหิมพานที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศไทยแทน

ทั้งนี้ หากจะเปลี่ยนองค์ประกอบของตลาดทุนไทยให้ได้ ต้องแก้ปัญหาด้านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทั้งการตรวจคนเข้าเมือง , ระยะเวลาในการพำนัก ไปจนถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ กับชาวต่างชาติ เพื่อจูงใจให้บุคลากรคุณภาพเดินทางเข้าไทยมากขึ้น

“ถ้าเราไม่เปลี่ยน ตลาดทุนไทยก็จะค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ในขณะที่นักลงทุนก็มีทางเลือกมากขึ้นในตลาดทั่วโลก ดังนั้นเงินทุนไหลออกจากไทยเรื่อย ๆ แน่นอน และนี่คือโจทย์สำคัญว่า เราจะเข้าโค้งยังไงให้รอด และมุ่งหน้าสู่ภูเขาลูกใหม่ที่กำลังเติบโต”