วันนี้ (2 ธันวาคม 2566) ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ จำกัด หรือ LIBERATOR เปิดเผยในงาน LIB Talks Finale 2023 ว่า ในปี 2566 ค่อนข้างเหนื่อย เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในช่วงปลายปี โดยในเดือนธันวาคมนี้ เริ่มเห็นความเชื่อมั่นขยับฟื้นตัว
ทั้งนี้ถ้าย้อนสถิติไปทั้งปี 2566 จะเห็นว่า SET Index ปรับตัวลดลง 17% โดยมีปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยทางด้านการเมือง ทั้ง การเลือกตั้งใหญ่ และการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า รวมทั้งยังกังวลเรื่องของ Naked Short Sell รวมทั้งตลอดยังปรับฐานด้วย
“ถ้าดูในภาพใหญ่ ผลตอบแทนของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ถ้าลองเข้าไปดูดี ๆ จะเริ่มเห็นความน่าสนใจบางอย่าง โดยจะพบว่าปีไหนก็ตามที่ตลาดหุ้นเจอผลกระทบ คือ ดัชนีผลตอบแทนรวมกลายเป็นสีแดงลงมา ในปีถัดไปจะเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นสีเขียว ซึ่งในปัจจุบันสัญญาณที่เห็นชัดคือตลาดปรับตัวลง 17% โมเมนตัมในปีหน้าตลาดก็น่าจะปรับขึ้นมาได้”
นายวิจิตร กล่าวว่า หากดูสัญญาณในปีหน้า ตลาดหุ้นไทยอาจจะเป็นปีมังกรทองเล็ก ๆ ก็ได้ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามนั่นคือ การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประเทศสำคัญ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยประมาณ 1.1% ขณะที่ประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนามี GDP กำลังอยู่ในระดับประมาณ 4% ถือเป็นจุดที่ดี
ส่วน GDP ประเทศไทยเองในปี 2566 น่าจะขยายตัวต่ำกว่าคาด และถ้าย้อนหลังไป 10 ปี คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.6% โดยโมเมนตัมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีช่องว่างของ GDP ขยายตัวอยู่ประมาณ 2% ถือเป็นจุดที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก
อีกจุดคือการดูเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก โดยเมื่อดูข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ปีหน้า สัญญาณของการบริโภคเริ่มดีขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนก็ปรับตัวดีขึ้น จากการย้ายฐานการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่การส่งออกแม้จะแย่มาตลอดทั้งปี แต่ช่วงท้ายปีเริ่มปรับตัวดีขึ้น และทั้งปีคาดว่าน่าจะติดลบ 1% ส่วนปีหน้ามีโอกาสที่จะกลับมาเป็นบวก
ด้านภาคการท่องเที่ยวปีนี้โตต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 28 ล้านคน และในปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 ล้านคนกลาง ๆ ได้ จากนั้นในปี 2568 จะเร่งตัวเข้าสู่ภาวะปกติ คือ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 40 ล้านคน ซึ่งฟันเฟืองของการท่องเที่ยวน่าจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้
นายวิจิตร กล่าวอีกว่า อีกด้านที่ต้องติดตามคือตลาดโลก ทั้งอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย ตอนนี้เชื่อว่าอยู่จุดสูงสุดแล้ว และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือ Bond Yield จะค่อย ๆ ปรับฐานลง โดยในต้นปี 2567 ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปในช่วงแรก ส่วนระยะต่อมาต้องดูว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยลงแล้วจะลดลงในอัตราเร่งหรือไม่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปลาย ๆ ซึ่งในช่วงนี้หลายคนกังวลว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession
ส่วนเรื่องของตลาดหุ้นไทยปีหน้า โดยเฉพาะสัญญาณเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ หรือ Fund Flow จะกลับมาหรือไม่นั้น นายวิจิตร ยอมรับว่า เรื่องนี้ตอบยากเหมือนกัน โดยต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป