"เนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์"ขายหุ้น AIT 7.76 ล้านหุ้น เปิดทาง TKC ถือหุ้นใหญ่

07 ธ.ค. 2566 | 01:31 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2566 | 05:41 น.

"เนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์" ขายบิ๊กล็อตหุ้น บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี ( AIT) 7.76 ล้านหุ้น หุ้นละ 6.80 บาท คาดขายให้กับ TKC ตามแผนปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่จะเข้ามาถือหุ้นใหญ่เบอร์1 สัดส่วน 24.95%

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ระบุว่า "นางเนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์" (ภรรยานาย ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์  ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT )  ได้ขายหุ้นผ่านกระดานการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566  ผ่านบล.ซีจีเอส -ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย ) จำนวน 7,762,485 หุ้น  ที่หุ้นละ 6.80 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 52,784,898 บาท

ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ที่นางเนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์ ถือใน AIT ภายหลังจากการทำธุรกรรมนี้เหลือ  0 หุ้น  ขณะที่นายศิริพงษ์ ยังถือหุ้นในปัจจุบันจำนวน 53,766,125 ล้านหุ้น

 

การขายบิ๊กล็อตดังกล่าว คาดว่าเป็นการขายให้กับ บริษัท เทิร์นคีย์คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC ตามการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ  ซึ่ง TKC จะเข้ามาถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ AIT สัดส่วน 24.95%  จำนวน 357,126,471 หุ้น จากล่าสุด ( ณ 4 ธ.ค.66 ) ถือ 17.19% หรือจำนวน 251,776,471 หุ้น 

 

\"เนตรนภิส อุ่นทรพันธุ์\"ขายหุ้น AIT 7.76 ล้านหุ้น เปิดทาง TKC ถือหุ้นใหญ่
 

อ่านเพิ่ม : การเข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ของบริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

โดยเป็นเข้ามาซื้อหุ้นจาก SABUY ที่ขายหุ้นให้กับ TKC จำนวน 237,600,000 หุ้น พร้อมกับนายชูเกียรติ รุจนพรพจี ขายหุ้นให้ 37,350,000 หุ้น อันดับ 2 คือ นางสาวศศิเนตร พหลโยธิน จำนวน 43,483,347 หุ้นคิดเป็นสัดส่วน 3.04% ส่วนกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมคือ "ครอบครัวอุ่นทรพันธ์" หลังธุรกรรมเสร็จสิ้น นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์  ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  AIT และกลุ่มอุ่นทรพันธุ์ยังคงถือหุ้นใน AIT รวม 7.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขณะเดียวกัน"กลุ่มอุ่นทรพันธุ์" จะเข้าถือหุ้น TKC คิดเป็นสัดส่วน 4.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดเช่นกัน