หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ลุ้นผลประชุมเฟด-ฟันด์โฟลว์ คาดดัชนีแกว่ง 1,350-1,410

09 ธ.ค. 2566 | 07:39 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2566 | 07:46 น.

บล.กสิกรไทย มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ถัดไป ( 11-15 ธ.ค 66) ดัชนี SET แกว่งกรอบ 1,350-1,410 จุด ลุ้นผลเฟด 12-13 ธ.ค. และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้ม ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์ถัดไป (11-15 ธ.ค.) มีแนวรับที่ 1,365 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,410 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (12-13 ธ.ค.) และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย 4-8 ธ.ค.66

ดัชนีหุ้นไทยปิดใกล้เคียงสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ หุ้นไทยขยับขึ้นช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากกองทุน TESG และคาดการณ์เกี่ยวกับการคงดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้า หุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมา ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง และหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มเทคโนโลยี จากความกังวลว่าจะหลุดจากการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวกลับมาบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยหนุน
 

หุ้นไทยสัปดาห์หน้า ลุ้นผลประชุมเฟด-ฟันด์โฟลว์ คาดดัชนีแกว่ง 1,350-1,410

 

โดยในวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,380.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.05% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 37,650.03 ล้านบาท ลดลง 21.14% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.73% มาปิดที่ระดับ 400.51 จุด

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,763 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 1,522 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 982 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 540 ล้านบาท)