ดาวโจนส์ปิดบวก 111.19 จุด ปรับขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ รับแนวโน้มดบ.ขาลง

27 ธ.ค. 2566 | 23:37 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2566 | 23:43 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (27 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีหน้า  

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,656.52 จุด เพิ่มขึ้น 111.19 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,781.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.83 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,099.18 จุด เพิ่มขึ้น 24.60 จุด หรือ +0.16%

ในระหว่างวัน ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ก่อนที่จะปิดตลาดดีดตัวขึ้น โดยทั้ง 3 ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นทั้งเมื่อเทียบเป็นรายเดือน รายไตรมาส และรายปี

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ออกมาต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.9% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. 2567

นายโรเบิร์ต แคปแลน อดีตประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า เนื่องจากเฟดต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และเฟดต้องการหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป ทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ชัค คาร์ลสัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Horizon Investment Services ในรัฐอินเดียนา แสดงความเห็นว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดค่อนข้างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากแทบไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด และปริมาณการซื้อขายก็เบาบาง โดยขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 วันทำการก็จะสิ้นปี ซึ่งหมายความว่านักลงทุนมีเวลา 3 วันในการตกแต่งบัญชี (Window Dressing) "

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 2%

หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.15% หลังมีรายงานว่าหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยื่นฟ้องบริษัทไมโครซอฟท์ และบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแชตบอต แชตจีพีที (ChatGPT) โดยกล่าวหาว่าบริษัททั้งสองละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของนิวยอร์กไทมส์ ซึ่งรวมถึงการคัดลอกและการใช้ผลงานที่มีคุณค่าและมีลักษณะเฉพาะของนิวยอร์กไทมส์อย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์และโอเพนเอไอรับผิดชอบต่อความเสียหายคิดเป็นวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์

หุ้นแอปเปิ้ลปิดตลาดบวกเล็กน้อย หลังจากศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อการนำเข้า Apple Watch ของบริษัทแอปเปิ้ล โดยคำสั่งดังกล่าวถือเป็นชัยชนะของแอปเปิ้ล ทำให้บริษัทยังคงจำหน่าย Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Apple Watch Ultra 2 ได้ต่อไปในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทสามารถทำยอดขายจำนวนมาก

ทั้งนี้ แอปเปิ้ลได้ยุติการจำหน่าย Apple Watch 2 รุ่นดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) ระบุว่า Apple Watch ทั้ง 2 รุ่นละเมิดสิทธิบัตรการวัดออกซิเจนในเลือดของบริษัทมาซิโม (Masimo) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้ ITC ออกคำสั่งห้ามนำเข้าและจำหน่าย Apple Watch ที่ใช้เทคโนโลยีการวัดระดับออกซิเจนในเลือด