ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2566 ทยอยปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปี ท่ามกลางปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ อาทิความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดปัญหาในภาคธนาคารของสหรัฐฯ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ประเด็นความตึงเครียดในอิสราเอล การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตลอดจนสัญญาณการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจในประเทศ
ส่งผลให้ดัชนี SET ปิดสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 1,415.85 จุด ปรับลดลง 15.15% จากระดับ 1,668.66 จุด ณ สิ้นปี 2565 โดยดัชนีหุ้นไทยแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ระดับ 1,354.73 จุด (เมื่อ 13 ธ.ค.66) โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ( มาร์เก็ตแคป ) ณ สิ้นปี 2566 (SET+ mai) ที่ระดับ 17.86 ล้านล้านบาท ลดลง 3.11 ล้านล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2565 ที่ 20.97 ล้านล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย (SET+ mai) ตลอดทั้งปีสุทธิ 192,082.91 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมกลุ่ม"ดัชนี SET100" สิ้นปี 2566 ปิดที่ 1,938.83 จุด ปรับตัวลง 319.11 จุด หรือ14.13% จาก ณ สิ้นปี 2565 ดัชนีปิดระดับ 2,257.94 จุด โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มมีจำนวน 20 บริษัท ได้แก่ BCP, WHA, AMATA,TTB,MTC,KCE,ERW,TCAP,PLANB,ADVANC,BCH,PTT,DELTA, BBL, BH, TRUE, KTB, HANA, SIRI, TISCO
10 อันดับหุ้นกลุ่มSET100 ราคา"เพิ่ม"มากสุดปี 2566
10 อันดับหุ้นกลุ่ม SET100 ราคา"ร่วง"มากสุดปี 2566
เซ็กเตอร์ หุ้น %2566 ปิด2566 ปิด2565
หน่วย : บาท / ที่มา: , SETTRADE ,บล.ลิเบอเรเตอร์
ด้านมุมมองของนักวิเคราะห์ หุ้น BCP : บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อ BCP โดยแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 50 บาท หลังจากบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มราย
ได้ให้มากกว่า5 แสนล้านบาทในปี 2567เทียบกับ 2.43 แสนล้านบาท ใน 9 เดือนแรกของปี 2566
ปัจจัยผลักดันหลักๆจาก 1อัตราการใช้กาลังการกลั่น (crude run) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 266 kbd และ 2) ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มีปริมาณการผลิตสูงขึ้นเป็น 40 kboed ในปี 2567 นอกจากนี้ กำลังการผลิตรวม (operating capacity) ที่สูงขึ้นของ BCPG น่าจะช่วยหนุนให้ equity income สูงขึ้นได้ รวมถึงบริษัทอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิต SAF โดยตั้งเป้าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาส 1/2568 ด้วยงบลงทุนรวม 8,000-10,000 ล้านบาท
WHA : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ให้มุมมองต่อ WHA โดยยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 5.30 บาท และคงคําแนะนํา"ถือ" โดยคาดว่า โมเมนตัมยอดขายที่ดินจะยังคงดําเนินต่อไปในไตรมาส4/66 หลังจากที่ทํายอดขายที่ดินได้ถึงประมาณ 2,000ไร่ (ในประเทศไทย 1,600ไร่ และในประเทศเวียดนาม 400 ไร่)ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีน ขณะเดียวกัน กลุ่มยานยนต์ยังคงเป็นกลุ่มหลักที่บริษัทมุ่งเน้น (ประมาณ 30%ของพอร์ตรวม)และเมื่อประกอบกับ LOI/ MOU ที่มีการเซ็นไปแล้ว 991ล้านบาทเมื่อสิ้นงวดไตรมาส3/66 โดยบริษัทยังคงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 2,750 ไร่(เราใช้สมมติฐานปีนี้ที่ 2,500ไร่)
เช่นเดียวกับยอดโอนที่ดิน WHA คาดว่ายอดโอนที่ดินจะแข็งแกร่งมากในไตรมาส4/66 จากยอดbacklog ที่สูงถึง 1,500ไร่ เมื่อสิ้นงวดไตรมาส3/66(ในประเทศไทย 1,250ไร่ และ ในประเทศเวียดนาม 250ไร่) โดยยอดโอนที่ดินในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1,000ไร่ เท่านั้น ในขณะที่สมมติฐานยอดโอนที่ดินปีนี้ของเราอยู่ที่ 2,000ไร่ ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดโอนที่ดินปีนี้น่าจะเป็นไปตามสมมติฐานของเรา และช่วยหนุนผลประกอบการของWHA ในไตรมาส4/66 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุน WHART ในไตรมาส4/66 โดยเป็นพื้นที่รวม 142Kตรม. มูลค่า 3.5 พันล้านบาท