ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย...เปลี่ยนไปอย่างไรให้ไปไกลว่าเดิม ที่จัดขึ้นงานสัมมนาแฟล็กชิปประจำปี 2024 ของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร KKP YEAR AHEAD 2024 ภายใต้ธีม “ A Pathway to Prosperity”ว่า ครั้งในอดีดประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่มีการอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุด และสูงที่สุดหนึ่งในภูมิภาค
แต่ตัดภาพมาในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ช้าลง จากที่ GDP เคยขยายตัวไปเหนือระดับ 7% ได้ ก็ปรับตัวลดลงมา 5% และเหลือ 2.5% ในปีก่อน และในทุกวิกฤติทางเศรษฐกิจไทยไม่เคยกลับไปเติบโตในอัตราเฉลี่ยเดิมได้เลย ทั้งนี้ หากมองไปในอนาคตแล้ว เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงต่ำลงเรื่อยๆ ทั้งจากคุณภาพ และปริมาณของประชากรไทยที่ลดลง โดยเฉพาะในวัยแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างของไทยที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ เพราะทำให้มีคนวันทำงานลดลง
ประกอบกับปัญหาแก่ก่อนรวย อัตราการเกิดใหม่ของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง การเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ภาครัฐที่ยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงไปอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวที่ไม่อาจเหมือนเดิมได้ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดลงจากการถูกแย่งตลาดจากต่างประเทศ นอกจากนี้ มองว่าการศึกษาของไทย จากคะแนน PISA ของไทยที่อยู่ระดับต่ำ หากเทียบกับหลายประเทศ เป็นปัญหาในเชิงของคุณภาพด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจัยที่กล่าวมาเหล่านี้ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง ทำให้การเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ทางสังคมไปสู่ระดับอื่นๆ มีปัญหา และมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น คนรายได้น้อยไม่สามารถขยับตัวเอง ดังนั้น วันนี้ไทยเหมือนกินบุญเก่า ระยะข้างหน้าพอเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตช้าลง การเคลื่อนย้ายทางสังคม เศรษฐกิจจากระดับล่างๆ ขึ้นมา ทำได้ยากขึ้นจะยิ่งทำให้ไทยต้องเจอปัญหาความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ กระทบให้ระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยปัจจุบันต่ำลงเหลือเพียง 3%
จากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ามาก สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระยะสั้น ที่มีความไม่แน่นอนจาก ดิจิทัลวอลเล็ต โดยปี 2567 นี้ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่เฉลี่ย 2.9% ซึ่งยังไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากดิจิทัลวอลเล็ตสามารถขับเคลื่อนได้จริงตามที่ภาครัฐวางนโยบายไว้ ก็หนุนให้คาดว่า GDP ประเทศไทยจะเติบโตอยู่ที่กว่า 3.7% ได้
"เศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว และการส่งออก แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่การเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตช้า ทั้งจากปัญหาโครงสร้างประชากร และความสามารถความสามารถในการแข่งขัน สัญญาณเหล่านี้ทำให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้างมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง"