หุ้นไทยวันนี้ ยังเสี่ยง"โฟลว์ไหล-บาทอ่อน"กดดันคาดดัชนีแกว่ง 1360-1380 จุด

23 ม.ค. 2567 | 02:37 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2567 | 02:44 น.

หุ้นไทยวันนี้ (23 ม.ค.67) ยังมีความเสี่ยงจากกระแสเงินทุนไหลออก ลุ้นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1360-1380 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)  ลิเบอเรเตอร์ จำกัด คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ( 23 ม.ค.67) ดัชนี SET ไซด์เวย์ในกรอบ 1360 -1380 จุด  ตลาดยังมีความเสี่ยงจากกระแสเงินทุนไหลออก กระตุ้นค่าเงินบาทอ่อนค่า 

ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ผสานกับโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยเฟดเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม 67 โดยด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐชะลอตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 4.1%

สำหรับปัจจัยในประเทศติดตามการประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง โด ยวาระสาคัญจะมีการเสนอโครงการพัฒนา 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กว่า 20 โครงการ วงเงินรวมกว่า 797 ล้านบาท และการทยอยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)

โดยระยะสั้นทิศทางตลาดยังมีแนวโน้มเชิงลบจากการทยอยปรับลดคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกระตุ้นให้กระแสเงินทุนยังคงไหลออก ส่งผลให้ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 35.6 บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้นอาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยยังคงเน้นย่อสะสมกลุ่มที่คาดหวังงบ Q4/66 เติบโตดี
 

ประเด็นสัปดาห์นี้ แนะติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งตัวเลขจีดีพี Q4/67 และประกาศเงินเฟ้อ US Core PCE ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินในช่วงถัดไป ส่วนวันนี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุ่ น (BOJ) โดยเบื้องต้นคาดคงนโยบายเช่นเดิม ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์ยังมีการประ ชุมธนาคารกลางยุโ รป (ECB)คาดจะคงดอกเบี้ยนโยบายตามเดิมเช่นกัน

บล.กสิกรไทย ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ คาดดัชนีแกว่งตัวลงในกรอบ 1,365-1,375 จุด หลังธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 13% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 7% จาก ECL ที่สูงขึ้น

พร้อมมุมมองแบบระมัดระวังต่อภาพเศรษฐกิจในปี 2567 สะท้อนธนาคารจะมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลลบกับกลุ่มธุรกิจที่มีปัญหาสภาพคล่องตึงตัวในปัจจุบันจากภาวะดอกเบี้ยสูง รวมถึงสภาพคล่องในตลาดหุ้นกู้ลดลงจากเงินทุนไหลออก และรัฐบาลกู้เพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ทำให้ธุรกิจต้องมีการเตรียมสภาพคล่องเพิ่ม กระทบแผนการเติบโตทางธุรกิจ และกดดันภาพรวมกลุ่ม Domestic play ที่เหลือ (Finance, อสังหาฯ, วัสดก่อสร้าง, ค้าปลีกและ F&B) 

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือมีกำไร Q4/66 แข็งแกร่ง
 

บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET วันนี้ เคลื่อนในกรอบ 1,360 – 1,380 คาดได้แรงหนุนกลุ่มพลังงาน ระหว่างรอรายงานกําไร บจ. และผลการประชุม BOJ,ECB แนะพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & ปันผล เช่น BH,BDMS, TCAP, CPN / เก็งกําไรหุ้นมีสัญญาณทางเทคนิค เช่น ICHI, UVAN

สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 ม.ค.67) ดัชนี SET ปิด -12.59 จุด อยู่ที่ 1,369.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,505 ล้านบาท ต่างชาติ
ขาย 4,001 ล้านบาท สถาบันขาย 668 ล้านบาท พอร์ตโบรกซื้อ 61 ล้านบาท  NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,190 ล้านบาท มียอดซื้อสุทธิ ใน หุ้น TTB, OSP, BBL, CRC, WHA  และมียอดขายสุทธิ KTB, KBANK, GULF, ADVANC, PTT ส่วนมูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 6,798 ล้านบาท หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ HKTECH13, JAPAN13, GUNKUL-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จํานวน 15,626 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 105,280 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจํานวน 896 ล้านบาท