กรณีนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 ชุด ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อขอผ่อนผันเงื่อนไขในข้อกำหนดหุ้นกู้ ก่อนการประกาศผลประกอบการประจำปี 2566
"ฐานเศรษฐกิจ"ตรวจสอบข้อมูลากสมาคมตราสารหนี้ไทยพบว่าหุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ยังไม่ครบการไถ่ถอนมีจำนวน 34,169.72 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ที่จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 5 ชุด วงเงินรวม 16,119.72 ล้านบาท
สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวจะจัดขึ้นสำหรับผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 5 ชุด ซึ่งจะแยกนับองค์ประชุมและการลงมติสำหรับหุ้นกู้แต่ละชุด โดยมีกำหนดการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 และจัดประชุมในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 โดยบริษัทฯ จะดำเนินการส่งจดหมายเชิญประชุมผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายต่อไป
ทั้งนี้วาระการประชุมสามารถสรุปได้ ดังนี้
1. พิจารณาอนุมัติการผ่อนผันหลักเกณฑ์ในการคำนวณ อัตราส่วนของความสามารถในการชำระดอกเบี้ย
2. พิจารณาอนุมัติการผ่อนผันหลักเกณฑ์ในการคำนวณเงินปันผลที่สามารถจ่ายได้ตามเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล
โดยในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้นี้ บริษัทฯ จะขอผ่อนผันเป็นการเฉพาะคราว เพื่อไม่นับรวมรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามหลักการทางบัญชี เพื่อการคำนวณอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย และการคำนวณเงินปันผลที่สามารถจ่ายได้ตามเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล จากงบการเงินรวมปี 2566
ทั้งนี้ เมื่อหักรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามหลักการทางบัญชี ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ ดังกล่าว ผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเรียนว่าในกรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นกู้ได้ บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงิน ตลอดจนวงเงินสินเชื่อที่รองรับเพียงพอที่จะทำการไถ่ถอนบางส่วนหรือทั้งหมดของหุ้นกู้ที่ไม่ได้รับความยินยอมได้
การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567ประกาศแผนถอนการลงทุนใน Red Lobster Master Holdings, L.P. (RLMH) บริษัทร่วมของบริษัทฯ ที่ถือหุ้นโดยบริษัท Thai Union Investment North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเห็นว่า ธุรกิจ Red Lobster มีความต้องการใช้เงินสูง ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัทฯ และเห็นควรถอนการลงทุนจากการลงทุนส่วนน้อยใน Red Lobster
TU ระบุว่า ในระหว่างที่บริษัทฯ ศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุนนี้ บริษัทฯ จะบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว จำนวนประมาณ 18,500 ล้านบาท (ประมาณ 530 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566
คณะกรรมการ TU มีความเห็นว่า บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวนี้ จะไม่มีผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทรัพย์สิน หรือสภาวะทางการเงินของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตามรายการดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย และข้อจำกัดการจ่ายเงินปันผลซึ่งเป็นข้อกำหนดภายใต้หุ้นกู้บางชุดที่ออกโดยบริษัทก่อนหน้านี้ ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขดังกล่าวกับผู้ถือหุ้นกู้ก่อนการประกาศผลประกอบการในเดือนกุมภาพันธ์นี้