KEY
POINTS
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า จากการที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เดินสายเจรจากับหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ชาวต่างชาติให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนยังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก
โดยตลอดช่วงเดือนมกราคม 2567 บริษัทมียอดขายที่รอการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ (LOI) ในมือจำนวนหลายร้อยไร่ ยังไม่นับที่มีการทยอยเซ็นสัญญาลงนามร่วมไปแล้ว รวมๆ กว่าพันไร่ ที่คาดว่าในช่วงไตรมาส 1/2567 จะได้เห็นความชัดเจนในการเซ็นสัญญาซื้อขาย (MOU) และการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจากแรงอั้นการโอนกรรมสิทธิ์จากความล่าช้าในบางกระบวนการในช่วงปลายปีก่อน ทำให้คาดว่าจะมีการเร่งทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนมาก
มองว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอาจพีคที่สุด จากปกติแล้วยอดขายจะมีการเติบโตสูงที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ในมือ (Backlog) อีกกว่า 1,500-1,600 ไร่ ที่คาดว่าจะมีการโอนฯ ในปีนี้ได้เกือบทั้งหมด ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ไม่น้อยกว่า 2,275 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายนิคมฯในประเทศไทย จำนวน 1,650 ไร่ และนิคมฯ ในประเทศเวียดนามราว 625 ไร่
ทั้งนี้ จากการกระตือรือร้นในการเจรจากับทั้งรัฐบาลและเอกชนรายใหญ่ของรัฐบาลไทย ทำให้คาดว่าในปี 2567 ก็มีโอกาสที่ปรับเพิ่มเป้าหมายเหมือนปีก่อนที่สามารถทำยอดขายที่ดินสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 2,767 ไร่ และสูงกว่าเป้าหมายช่วงต้นปีถึง 58% พร้อมกันนี้ บริษัทยังเร่งขยายเฟส และเพิ่มนิคมฯ แห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีที่อยู่ระหว่างการขอ EIA แล้วราว 8,000-10,000 ไร่ รองรับการขยายตัวของการลงทุนจากต่างชาติ เช่นเดียวกันกับในประเทศเวียดนามที่เร่งขยายเฟสใหม่ด้วยเช่นกัน
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ดีมากด้วยเช่นกัน อีกทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมหลายรายที่มีการขยายพื้นที่เช่าคลังสินค้าเพิ่ม ทำให้มองว่ายอดสัญญาใหม่ในปีนี้จะยังคงมีการเติบโตที่โดดเด่นได้ต่อ บริษัทวางเป้าส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 ตร.ม. แบ่งเป็นในประเทศไทย 165,000 ตร.ม. และประเทศเวียดนาม 35,000 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะเพิ่มถึงระดับ 3,145,000 ตร.ม. อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 213,000 ตร.ม. หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,290 ล้านบาท ภายในช่วงปลายปีนี้
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2567-2571) บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 78,700 ล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็นเงินลงทุนปีนี้ประมาณ 21,000 ล้านบาท และตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตมากกว่า 40% พร้อมปรับโครงสร้างรายได้เป็นแบบสม่ำเสมอสัดส่วน 46% และรายได้จากยอดขายที่ดิน 54% จากเดิมที่มีสัดส่วน 40:60% รวมถึงผลักดันรายได้รวมในช่วง 5 ปีสู่ระดับ 1 แสนล้านบาท ส่วนในปี 2567 นี้ บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้แบบตัวเลข 2 หลัก จากปีก่อนที่ 17,200 ล้านบาท