บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566
กลุ่มบริษัทอินทัชมีกำไรสุทธิปี 2566 รวม 13,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 10,533 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากไอทีวีในธุรกิจอื่น เนื่องจากการกลับรายการประมาณการส่วนต่างของค่าอนุญาตให้ดำเนินการค้างจ่ายและดอกเบี้ยของไอทีวี ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสิน และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรจากเอไอเอส (AIS) เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการ การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และกำไรจากการขายเงินลงทุนในแรบบิท-ไลน์ เพย์ รวมทั้งเอไอเอสมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในปี 2566 ผลการดำเนินงานของกลุ่มอินทัชไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากไทยคม เนื่องจากอินทัชได้ขายเงินลงทุนในไทยคมไปเมื่อปลายปี 2565
ด้านผลการดำเนินงานเฉพาะบริษัท ในปี 2566 อินทัชมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม รวม 12,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรของไอทีวีและเอไอเอส โดยอินทัชมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 176 ล้านบาทใกล้เคียงกับปี 2565
ด้านรายได้จากการขายและให้บริการที่เติบโตขึ้นจากปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก
1.การเติบโตของรายได้จากการให้บริการในธุรกิจอินเทอร์น็ตความเร็วสูง เนื่องจากการจากการรับรู้รายได้ของ TITBB ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ร่วมกับการรักษาระดับการเติบโตปกติได้ โดยการเติบโตมาจากการขยายฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพในพื้นที่รอบนอกผ่านการนำเสนอแพ็กเกจที่มุ่งเน้นด้านคุณค่าแก่ลูกค้าใหม่ซึ่งจะช่วยยกระดับ ARPU ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ส่งเสริมการขายบริการที่หลากหลาย (Cross-sell & Upsell) แก่ฐานลูกค้าเดิม หากไม่รวมกรรับรู้รายได้ของ TTTBB รายได้จากการให้บริกรในธุกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยังเติบโตได้ดีจากก่อน
2.การเติบโตของรายได้จากธุรกิโทรศัพท์เคลื่อนที่จากการมุ่งเน้นการให้บริกรด้วยคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่าควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการเสริมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนั้นรายได้การเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Roaming) ยังฟื้นตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภค และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ และจากความพยายามในการผลักดันการใช้งาน 5G ยังส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ ARPU อีกด้วย
3.การเติบโตของรายได้จากธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและบริการอื่น ๆ จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริการเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับองค์กร (EDS) และบริการคลาวด์ที่สอดคล้องไปกับแนโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และได้รับประโยชน์จากการรับรู้รายได้ของ TIBB ที่ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร หากไม่รวมการรับรู้รายได้ของ TITBB รายได้จากธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและบริการอื่นๆ ยังเติบโตได้ดีจากปีก่อน
4.ในขณะที่รายได้จากการขายอุปกรณ์และซิม ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการลดลงของปริมาณการขายเครื่อง โดยเฉพาะในช่วงกลางปีที่ไม่มีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ และการลดลงของแพ็กเกจสวนลดค่าเครื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการลดหย่อนภาษีในชวงต้นปี 2567 ทําให้เกิดการชะลอการใช้จ่ายในไตรมาสสุดท้ายของปีอย่างมีนัยสำคัญ
ปันผลอีกหุ้นละ 1.70 บาท ขึ้น XD วันที่ 20 ก.พ.67
สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของอินทัช เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติเสนอการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงานปี 2566 ในอัตรา 3.17 บาทต่อหุ้น โดยอินทัชจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 แล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.47 บาท คงเหลือที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 และกำหนดจ่ายวันที่ 19 เมษายน 2567